ศาลปกครอง
ศาลปกครอง ถูกตั้งขึ้นโดย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีทางปกครองพ.ศ.2542 และภายใต้รัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 16 หรือฉบับปี 2540
ศาลปกครองมีเพียง 2 ชั้นนะครับ โดยระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง ฯ2542 ดังนี้
มาตรา 7 ศาลปกครองแบ่งออกเป็น 2 ชั้นคือ
(1) ศาลปกครองสูงสุด
(2) ศาลปกครองชั้นต้น ได้แก่
(ก) ศาลปกครองกลาง (ข) ศาลปกครองในภูมิภาค
( 1 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎคำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น หรือโดยไม่สุจริตหรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ
( 2 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
( 3 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
( 4 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง
( 5 ) คดีที่กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำหรือละเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด
( 6 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง
เรื่องดังต่อไปนี้ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง
( 1 ) การดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร
( 2 ) การดำเนินการของคณะกรรมการตุลาการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ
- ดังนั้นศาลปกครองกลางและศาลปกครองภูมิภาค ก็คือศาลปกครองชั้นต้นนั่นเอง
อำนาจหน้าที่ของศาลปกครอง
- ศาลปกครองมีหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีทางปกครอง หรือมีคำสั่ง ตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
( 1 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎคำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น หรือโดยไม่สุจริตหรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ
( 2 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
( 3 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
( 4 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง
( 5 ) คดีที่กฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำหรือละเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด
( 6 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง
เรื่องดังต่อไปนี้ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง
( 1 ) การดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร
( 2 ) การดำเนินการของคณะกรรมการตุลาการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ
( 3 ) คดีที่อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชน และครอบครัว ศาลแรงงาน ศาลภาษีอากร ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ศาลล้มละลาย หรือศาลชำนัญพิเศษอื่น
ผู้ที่ใช้อำนาจทางปกครองมีอยู่ 2 คนคือ
1. หน่วยงานทางปกครอง ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม อบจ. อบต. เทศบาล.รัฐวิสาหกิจ รวมถึงเอกชนที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองแทนรัฐ
2. เจ้าหน้าที่ ได้แก่บุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานทางปกครอง
- ดังนั้นคดีทางปกครองจึงเป็นคดีที่เกิดขึ้นจากการ ออกคำสั่งทางปกครอง และ การออกกฎ ของหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ซึ่งมีผลกระทบต่อบุคคลอื่น
คู่กรณีในคดีทางปกครอง
1) หน่วยงานทางปกครอง พิพาทกับ หน่วยงานทางปกครอง
2) หน่วยงานทางปกครอง พิพาทกับ เจ้าหน้าที่
3) หน่วยงานทางปกครอง พิพาทกับ เอกชน
4) เจ้าหน้าที่ พิพาทกับ เจ้าหน้าที่
5) เจ้าหน้าที่ พิพาทกับ เอกชน
- คู่พิพาททางคดีปกครองจะมี 5 กรณีนี้เท่านั้น และ การนำคดี เข้าสู่ศาลปกครอง ผู้เสียหายโดยตรง ตามมาตรา 42 วรรค หนึ่งนำฟ้องได้โดยตรงโดยไม่ต้องใช้ทนายก็ได้ และกรณีอื่นที่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนตามกฎหมายให้ปฏิบัติต้องดำเนินตาม มาตรา 42 วรรค สอง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง ฟ้องความผิดเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ นี้ เพื่อขอให้ศาลสั่ง ตามมาตรา 72 แห่ง พ.ร.บ.นี้เช่นกัน
ศาลปกครองสูงสุด
- ศาลปกครองสูงสุดมีอำนาจตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.นี้คือ
( 1 ) คดีพิพาทเกี่ยวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทตามที่ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดประกาศกำหนด
( 2 ) คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา หรือ กฎ ที่ออกโดยคณะรัฐมนตรี หรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
( 3 ) คดีที่มีกฎหมายกำหนด ให้อยู่ในอำนาจศาลปกครองสูงสุด
( 4 ) คดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
- นอกจากนี้ ยังมี พ.ร.บ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 นำมาประกอบกันไปด้วย
- และในมาตรา 51 ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ระบุให้
การขอการคุ้มครองจากศาล
- มาตรา 52 การฟ้องคดีปกครองที่เกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ หรือสถานะของบุคคลจะยื่นฟ้องคดีเมื่อใดก็ได้
กังวาล ทองเนตร รัฐศาสตร์เอกการปกครองมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น