- ระบบลูกขุุนเกิดขึ้นครั้งแรกที่อังกฤษ โดยชาวนอร์แมนที่รุกเข้าไปในอังกฤษเดิมทีเดียวมีการพิจารณาเป็น 2 รูปแบบ
1. การสาบานตน Compurgation หรือ Wager of Law โดยฝ่ายจำเลยหากสามารถหาบุคคลในฐานันดรเดียวกันกับตนเอง จำนวน 12 คนมาศาลและสาบานตนว่าทั้ง 12คนเชื่อในคำให้การของจำเลยว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ทุกคน ศาลจะพิพากษาให้ ปล่อยตัวจำเลยไป (วิธีการนี้ยกเลิกไปเมื่อ ค.ศ. 1833 )
2. เป็นการพิสูจน์ด้วยน้ำและไฟ ( Tial by fire or Water) การพิสูจน์ด้วยไฟจำกัดไว้เฉพาะขุนนาง ส่วนไพร่ให้พิสูจน์ด้วยน้ำ
(วิธีนี้ยกเลิกเมื่อ ค.ศ.1819 ก่อนวิธีแรก )
- พวกนอร์แมนได้นำต้นตอของระบบลูกขุนเข้ามา โดยใช้คน 12 คนทำหน้าที่เสมือนศาลสอบสวน ตัวเลข 12คนมาจากจำนวนสาวก 12 คนแรกที่พระเยซูเลือกเพื่อให้เผยแพร่คริสต์ศาสนา
- ต่อมาอเมริกาได้นำเอาระบบลูกขุนเข้ามาใช้ คณะลูกขุนที่จะพิจารณาคดีมี 12 คนคัดเลือกมาจากคณะบุคคลจำนวนมากที่ศาลเรียกมาเพื่อคัดเลือกให้เป็นลูกขุนโดยสุ่มเอามาจากทุกมุมเมืองไม่เจาะจงตัวบุคคลมิฉะนั้นจะถูกคัดค้านและให้นำชื่อผู้ที่จะเป็นลูกขุนจำนวน 36 คนไปใส่ในกล่อง แล้วให้เด็กอายุไม่เกิน 10 ขวบ เป็นคนจับรายชื่อขึ้นมา 12 รายชื่อ
- คุณสมบัติของลูกขุนต้องกำหนดโดยรัฐบาลกลาง หรือรัฐบาลมลรัฐ ว่าต้องมีอายุ21 ปีมีภูมิลำเนาในเขตศาลนั้นเป้นเวลา 1 ปีไม่เคยทำผิดขั้น ร้ายแรง (Felony)
- การพิจารณาคดี ก่อนพิจารณาคดีคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องแถลงเปิดคดีขอแต่ละฝ่ายให้ลูกขุนทราบเพื่อลูกขุนจะได้เข้าใจพยานหลักฐาน ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากประชาชนเป็นอย่างมาก
- ประมาณศตวรรษที่ 19 อำนาจของผู้พิพากษาถูกลดลง เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในความสามารถของบุคคลธรรมดาที่ทำหน้าที่เป็นลูกขุน และมีหลายมลรัฐห้ามผู้พิพากษามิให้เป็นผู้สรุปพยานหลักฐานที่นำสืบในศาล
ระบบลูกขุนได้รับการพัฒนามาเรื่อยจนถึงปัจจุบันนี้ แต่มีที่มาและจุดกำเนิดจากที่กล่าวมาแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก อาจารย์ รศ. ดวงจิตต์ กำประเสริฐ ภาควิชากฎหมายทั่วไป คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น