ระบบคำ
ระบบคำหรือระบบหน่วยคำเป็นองค์ประกอบหนึ่งของภาษา
- หน่วยคำ ( Morpheme ) หมายถึงหน่วยที่เล็กที่สุดในภาษาซึ่งมีความหมาย
- หน่วยคำเป็นที่เกิดจากการเรียงลำดับของหน่วยเสียงทำให้เป็นหน่วยที่มีความหมายขึ้นมา หน่วยคำจึงใหญ่กว่าหน่วยเสียง
- หน่วยคำหนึ่งๆจะต้องมีความหมายคงเดิมเสมอไม่ว่าจะไปปรากฎอยู่ ณ ที่ใด
- หน่วยคำ 2 หน่วยคำมีรูปและเสียงเหมือนกันก็ไม่ถือว่าเป็นหน่วยคำเดียวกันจึงเห็นได้ว่าการที่จะตัดสินคำใดว่าเป็นหน่วยคำเดียวกันหรือไม่ให้ดูตามความหมายเป็นเกณฑ์สำคัญ เช่น
- คำที่มีรูป เสียง และความหมายเหมือนกันย่อมเป็นหน่วยคำเดียวกัน
ตัวอย่าง
- คุณกินอะไร
- กินข้าวหรือยัง
- อย่าห่วงแต่กิน
- คำที่มีรูป เสียง เหมือนกันแต่มีความหมายต่างกัน ย่อมไม่ใช่หน่วยคำเดียวกัน
ตัวอย่าง
- คุณจะไปเวียนเทียนที่วัดไหน
- อย่า วัด ค่าของคนด้วยทรัพย์สมบัติ
- ช่างตัดเสื้อกำลังวัดตัวเธออยู่
- ผลงานของผมพอจะวัดกับเขาได้หรือไม่
คำว่า วัด ที่อยู่ในแต่ละประโยคแม้จะมีรูปและเสียงเหมือนกัน แต่ก็เป็นคนละหน่วยคำ เพราะมีความหมายไม่เหมือนกัน
- คำที่มีเสียงเหมือนกัน แต่ถ้ารูปและความหมายต่างกันก็เป็นคนละหน่วยคำ เช่น
ตัวอย่าง
- เขาโจษกันถึงเรื่องของคุณเซ็งแซ่
- ผมเป็นโจทก์ในคดีนี้
- โจทย์ข้อนี้ยากเหลือเกิน
คำว่า โจษ โจทก์ โจทย์ เป็นคนละหน่วยคำ แม้จะออกเสียงเหมือนกัน แต่ มีรูปและความหมายต่างกัน
- คำที่มีรูป และเสียง ต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่มีความหมายเหมือนกัน ก็อาจ อนุโลมให้เป็นหน่วยคำเดียวกันได้ เช่น
ตัวอย่าง
- เผลอ แผล็บเดียว เขาหนีไปเสียแล้ว
- ผมจะไปแพล็บเดียวเท่านั้น
คำว่า แผล็บ ที่ใช้ ผ.ผึ้ง และ คำว่า แพล็บ ที่ใช้ พ.พาน ในประโยคอนุโลมได้ว่าเป็นหน่วยคำเดียวกัน เพราะมีความหมายเหมือนกัน แม้รูปเสียงจะต่างกันเล็กน้อยก็ตาม
- นอกจากนี้ยังมีบางกรณี ซึ่งหน่วยคำที่มีรูป และเสียงต่างกัน แต่ถือว่าเป็นหน่วยคำเดียวกัน เช่น
คลุมเครือ กับ คลุมเคลือ ที่มีตัวกล้ำเป็น ร.เรือ และ ล.ลิง ถือเป็นหน่วยคำเดียวกัน
ลอมชอม กับ รอมชอม " --------------------------" ถือเป็นหน่วยคำเดียวกัน
อย่างนี้ กับ อย่างงี้ " "-----------------------"
ข้าพระเจ้า กับ ข้าพเจ้า " "-----------------------"
หน่วยคำกับพยางค์มีหลักเกณฑ์แยกอย่างไร
หน่วยคำหนึ่งอาจมีพยางค์เดียว หรือ หลายพยางค์ก็ได้ ( หน่วยคำ กับคำ เป็นคนละเรื่อง ) เช่น
- ไป : มี ๑ พยางค์ ๑ หน่วยคำ เป็น ๑ คำ
- มะนาว : มี ๒ พยางค์ ๑ หน่วยคำ เป็น ๑ คำ
- มะละกอ : มี ๓ พยางค์ ๑ หน่วยคำ เป็น ๑ คำ
แต่มีบางคำ เกิดจากการรวมหน่วยคำ ก็จะเป็น คำที่มีหลายหน่วยคำ ไม่ใช่หน่วยคำเดียว อาทิ
- โรงเรียน : มี ๑ คำ มี ๒ หน่วยคำ ๒ พยางค์
- ละเอียดลออ : มี ๑ คำ มี ๒ หน่วยคำ ๔ พยางค์
- พระเจ้าอยู่หัว : มี ๑ คำ มี ๔ หน่วยคำ ๔ พยางค์
ประเภทของหน่วยคำ
หน่วยคำมีอยู่ ๒ ประเภท ใหญ่ๆ คือ
๑. หน่วยคำอิสระ ( Free morpheme ) หมายถึง หน่วยคำที่ปรากฎอยู่ตามลำพัง โดย ไม่ผูกพันกับหน่วยคำอื่น หน่วยคำชนิดนี้จะมีกี่พยางค์ก็ได้ อาทิ กิน เดิน นั่ง สะอาด นครสวรรค์ ร้องเพลง ฯลฯ
- ข้อสังเกตุ คำที่ใช้เรียกชื่อ สัตว์ ผลไม้ ถือว่าเป็นหน่วยคำอิสระด้วย เช่น มะละกอ สับปะรด มะม่วง มะขามเทศ กระต่าย ฯลฯ
๒ .หน่วยคำไม่อิสระ ( Bound morpheme ) หรือหน่วยประกอบคำผูกพัน หมายถึง หน่วยคำที่จะปรากฎอยู่อย่างอิสระตามลำพังไม่ได้ ต้องเกิดร่วมกับหน่วยคำอื่นเสมอ เช่น
นัก การ กร ปฏิ อธิ น่า ผู้ ชาว ใน ฯลฯ จะเกิดหน่วยคำลำพังไม่ได้ ต้องเกิดร่วมกับหน่วยคำอื่น เช่น
การเดิน การฟัง การบ้าน ความรู้ ชาวนา นักการเมือง ในบ้าน ผู้ร้าย ผู้ดี เป็นต้น
หน่วยคำไม่อิสระนี้ยังสามารถแบ่งออกได้อีกเป็น 3 ประเภท
- อุปสรรค ( Prefix ) กลุ่มนี้จะประกอบอยู่ข้างหน้าหน่วยคำอื่น เช่น การ ชาว โรง เป็นต้น
- อาคม ( Infix ) กลุ่มนี้จะประกอบอยู่ตรงกลางหน่วยคำอื่น เช่น อำ ตัวอย่าง กราบ เป็น กำราบ
- ปัจจัย ( Suffix) กลุ่มนี้จะประกอบ อยู่หลังหน่วยคำอื่น เช่น แล้ว ก็จะเป็น ไปแล้ว ขึ้น เป็น ดีขึ้น เป็นต้น
- ดังที่ผมได้อธิบายไว้แล้วในก่อนหน้า ว่า ภาษาไทยนั้น เดิมเป็นภาษาคำโดด คำไทยโบราณ จึงเป็นคำพยางค์เดียวโดดๆ ไม่เหมือนภาษาอังกฤษ ที่ใช้ รากศัพท์เดิม ( Root ) มาลงอุปสรรค หรือ Prefix และลง ปัจจัย หรือ Suffix เพื่อประกอบเป็นคำใหม่ออกมาดังที่ทราบกัน
กังวาล ทองเนตร รัฐศาสตร์ ภาควิชาการปกครองมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น