กังวาล ทองเนตร

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่คลังปัญญา Pohthaiblogspot.com

วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557

ปฏิวัติและรัฐประหารต่างกันอย่างไร


การปฏิวัติกับรัฐประหารเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

ศัพท์สองคำนี้ เป็นศัพท์ รัฐศาสตร์ คนทั่วไปมักจะเข้าใจไม่ถูกต้องนัก กับศัพท์ รัฐศาสตร์ สองคำนี้
บางคนใช้คำว่า รัฐประหาร บางคนใช้คำว่าปฏิวัติ หรือบางคน ใช้รวมกันเป็น ปฏิวัติรัฐประหาร มันเสียเลย

ซึ่งโดยส่วนตัวในฐานะที่เรียนจบทางด้านวิชารัฐศาสตร์ สาขากาการปกครอง ก็ได้อธิบายศัพท์ สองคำนี้ไว้หลายช่องทางแล้ว แต่ไม่ได้อธิบายไว้ในบล็อกของตัวเองอย่างเป็นทางการสักครั้ง
จึงถือโอกาสที่ การเมืองอยู่ในภาวะเปราะบาง อธิบาย ศัพท์สองคำนี้ให้เป็นหลักฐานในการอ้างอิงแก่คนทั่วไปอย่างเป็นทางการดังนี้

คำว่ารัฐประหาร เป็นคำที่นำมาจากภาษาฝรั่งเศสคือคำว่า คู้เดต้า  ( coup d'etat ) หมายถึงการทำรัฐประหารรัฐบาล หรือกลุ่มคนที่ใช้อำนาจรัฐนั้น โดย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมอื่นใด เช่น


  • โครงสร้างทางปกครอง 
  • โครงสร้างทางการเมือง
  • โครงสร้างทางสังคม
  • โครงสร้างทางเศรษฐกิจ


การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการก่อรัฐประหารนี้ จะมุ่งหวัง ไปที่ตัวผู้ใช้อำนาจรัฐ หรือคนที่เป็นรัฐบาลเท่านั้น อาทิ 

  • เมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 คณะรัฐประหาร ที่ใช้ชื่อว่า คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ( รสช. ) ที่มี พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ เป็นหัวหน้าคณะผู้ก่อการ ได้ทำการยึดอำนาจ รัฐบาลของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ


ภายหลัง รสช.ยึดอำนาจแล้ว โครงสร้างทางสังคมต่างๆยังคงมีอยู่เช่นเดิม แต่ ผู้ที่เป็นรัฐบาล เปลี่ยนเป็นบุคคลอื่แทน แต่ระบอบโครงสร้างอำนาจ โครงสร้างปกครอง ยังคงเหมือนเดิม
ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบของประเทศ หรือ รัฐ ยังคงเป็น รัฐเดี่ยว เป็นแบบราชอาณาจักร เหมือนเดิม การจัดส่วนบริหารราชการต่างๆก็ยังคงอยู่เช่นเดิม เป็นต้น


  • การยึดอำนาจเมื่อ วันที่ 19 กันยายน 2549 ที่คณะ คปก. ที่ต่อมาเป็น คมช. ที่นำโดย พล.อ.สนธิ บุญรัตน์กลิน ยึดอำนาจรัฐบาลของ พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร ก็เปลี่ยตัวรัฐบาลจาก รัฐบาลทักษิน ไปเป็น รัฐบาล ของ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ แทน


ดังนั้น คำว่ารัฐประหาร จึงหมายถึง การเปลี่ยนแปลงกลุ่มบุคคลผู้ใช้อำนาจรัฐ ( อำนาจบริหาร ) เท่านั้น


คำว่า ปฏิวัติ เป็นคำมาจากภาษา อังกฤษ คือคำว่า Revolution หมายถึง การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมทั้งหมด ทั้งสิ้น แบบ พลิกฟ้าคว่ำดิน พลิกฝ่ามือ จาก ดำ เป็น ขาว หรือ จากขาว เป็นดำ ไปทางใดทางหนึ่งอย่างสิ้นเชิงชนิด กลับ เฟส 180 องศา เช่น


  • เปลี่ยนจากระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราช ( ราชาธิปไตย ) Absolute Monarchy ไปสู่ระบอบอื่น เช่น สาธารณะรัฐ สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ เป็นต้น


กล่าวคือ การปฏิวัติ จะปรับเปลี่ยนไปในแนวทาง ใดก็ได้ ที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง


  • เปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐ จาก ราชอาณาจักร เป็น สาธารณะรัฐ หรือ สังคมนิยม หรือจาก สังคมนิยม เป็นราชอาอาณาจักร ก็ได้
  • เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองการปกครองใหม่
  • เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางนิติบัญญัติใหม่
  • เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางระบบเศรษฐกิจใหม่
  • เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมใหม่
  • เปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างราชการใหม่
  • เปลี่ยนแปลงสถาบันทางสัคมใหม่ เป็นต้น


การปฏิวัติที่ เป็นที่รู้จักทั่วโลก เช่น


การปฏิวัติฝรั่งเศส 1789-1815




เลนินกับการปฏิวัติรัสเซีย


การปฏิวัติจีน โดย ดร.ซุน ยัต เซน


สรุปคือ



การจะพิจารณาว่า การกระทำ หรืือการยึดอำนาจใด ว่า เป็น รัฐประหาร หรือเป็นปฏิวัติ หรือไม่

  • ไม่ได้พิจารณาจาก วิธีการ
  • ไม่ได้พิจารณาจากว่าใครเป็นผู้กระทำ ทหาร ตำรวจ หรือ พลเรือน
  • ไม่ได้พิจารณาจากรูปแบบ การใช้กำลัง ใช้ความรุนแรง มากน้อย เฉียบพลัน หรือ ยืดเยื้อต่อเนื่อง
การพิจารณาว่าเป็นปฏิวัติหรือรัฐประหาร พิจารณาจาก
  • ผลจากการกระทำที่ได้กระทำสำเร็จลุล่วงแล้ว จากคณะผู้ทำการ
  • ถ้ายึดอำนาจสำเร็จแล้ว เปลี่ยนแปลงแค่ผู้ใช้อำนาจรัฐ โดยตรง ไม่เปลี่ยนโครงสร้าง เรียกว่า รัฐประหาร ( coup d'etat ) ไม่ใช่ ปฏิวัติ
  • ถ้ายึดอำนาจสำเร็จแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างทางสังคมทั้งหมดทั้งสิ้น จากระบบเดิมไปสู่ระบบใหม่ เรียกว่า ปฏิวัติ ( Revolution )
ดังนั้นเมื่อเราพิจารณาจาก สาระเนื้อหา ของการยึดอำนาจในประเทศไทย 
  • ล้วนเป็นการก่อรัฐประหารทั้งสิ้น เพราะไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนรื้อโครงสร้างแต่อย่างใด
  • รวมถึง การเปลี่ยนแปลงเมื่อ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 ก็ไม่ใช่การปฏิวัติ เพราะรูปแบบแห่งรัฐ ยังคงเดิมคือเป็นราชอาณาจักร เพียงแต่เปลี่ยนระบบโครงสร้างอำนาจการปกครอง จาก ราชาธิปไตย หรือสมบูรณาญาสิทธิราช ที่ ราชา มีอำนาจ เบ็ดเสร็จ เด็ดขาด เพียงผู้เดียว ทั้ง บริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ มาเป็น เปลี่ยนมือผู้ใช้อำนาจทั้งสามนั้น และให้ ราชาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 จึงเรียกว่า เป็นการเปลี่ยนแปลง แบบ กึ่งปฏิวัติ กึ่งรัฐประหาร เท่านั้น ตามหลักการข้างต้น


กังวาล ทองเนตร รัฐศาสตร์ ภาควิชาการปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง



วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

สวัสดีปีใหม่



จะเรียงร้อย  ถ้อยคำ  อันล้ำค่า
จะเสาะหา  ลำนำ  ทำนองหวาน
จะสรรสร้าง  หมื่นคำ ที่ชำนาญ
ก็ป่วยการ  ถ้าใจ  ไม่เปิดมา

จะปีเก่า  ปีใหม่  ก็ไม่ต่าง
ถ้าจิตใจ  ของเรา ไม่ก้าวหน้า
มัวยึดติด  กับดัก  อวิชชา
ยากจะหา  สิ่งใด ให้เปิดทาง

มีปัญญา เหมือนมี  แสงไฟส่อง
เป็นประทีป  เทียนทอง  ส่องสว่าง
ไล่ความมืด  ออกไป  ให้เห็นทาง
แสงสว่าง  เกิดขึ้น เพราะปัญญา

จะโง่เง่า  เต่าตุ่น  เหมือนหุ่นปั้น
หากเรานั้น  ไม่คิด  แสวงหา
คบบัณฑิต  เป็นมิตร  ได้วิชา
ทางก้าวหน้า  ไม่ไกล  เกินความจริง

 กังวาล ทองเนตร





วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รัฎฐาธิปัตย์และองค์อธิปัตย์คืออะไร

 รัฐาธิปัตย์ ( Sovereign ) 


รัฐาธิปัตย์ ( Sovereign ) เป็นศัพท์ทางวิชารัฐศาสตร์ เป็นศัพท์กลางๆที่ชี้บ่งเจาะจงไปถึงอำนาจใน รัฐ - ชาตินั้นๆ การที่จะเข้าใจคำว่า รัฐาธิปัตย์ คืออะไร เราจำเป็นต้องเข้าใจบริบทแห่งอำนาจ ในรัฐเสียก่อน

ดังนั้นผมจะอธิบายบริบทนี้เสียก่อน


  • ตามสภาพปกติในแต่ละรัฐหรือประเทศ จะมีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศอยู่ บางรัฐก็จะเป็นการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่คนๆเดียว เช่น รัฐที่ปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช หรือราชาธิปไตย ราชาก็จะเป็นผู้ใช้อำนาจสูงสุดนี้ เพียงแต่ผู้เดียวอำนาจสูงสุดในการปกครอง รัฐ - ชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ เรียกว่า รัฐาธิปัตย์



  • ต่อมา นักปรัชญา ชาวฝรั่งเศส ชื่อ มองเตสกิเออ  (Montesquieu) ได้ศึกษาจำแนกอำนาจปกครองในรัฐนี้ออกเป็น 3 อำนาจ หรือที่เรียกว่า อำนาจธิปไตย หรืออำนาจสูงสุด ในปัจจุบันได้แก่


  1. อำนาจบริหาร
  2. อำนาจนิติบัญญัติ
  3. อำนาจตุลาการ
  • ซึ่งแต่เดิมอำนาจอธิปไตยนี้ถูกใช้โดยคนเพียงคนเดียว และกลุ่มบุคคล หรือคณะบุคคล  ที่ใช้อำนาจสิทธิ์ขาด เบ็ดเสร็จ เพียงกลุ่มตน โดยไม่ แบ่งอำนาจไปยังองค์กรอื่น

ดังนั้น
  • รัฐาธิปัตย์  ( Sovereign ) หมายถึง อำนาจเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ทั้งหมดทั้งสิ้น ในรัฐ หรือประเทศนั้น ๆ ที่ใช้ในการปกครองรัฐ - ชาติ หรือประเทศ  ดังนั้น คำว่ารัฐาธิปัตย์ จึงมีความหมายสื่อไปในแง่ของอำนาจโดยตรง ไม่ได้หมายถึงผู้ใช้อำนาจ ส่วนผู้ใช้อำนาจ รัฐาธิปัตย์นั้นเรียกว่า องค์อธิปัตย์

  • องค์อธิปัตย์ หมายถึง บุคคล คณะบุคคล ที่ได้ยึดอำนาจ รัฐาธิปัตย์ ซึ่งเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จนั้นไว้ในมือสมบูรณ์เบ็ดเสร็จแล้ว และประกาศตนเป็นผู้ใช้อำนาจนั้น หรือตั้งตนเป็นองค์อธิปัตย์ เพื่อใช้อำนาจรัฐาธิปัตย์ในรัฐนั้นๆแต่เพียงผู้เดียว
  • ดังนั้น คำว่าองค์อธิปัตย์ จึงมีความหมายเจาะจง ไปที่คนที่เข้ามาใช้อำนาจ รัฐาธิปัตย์ ไม่ว่าจะโดยวิธีการ ก่อรัฐประหาร เปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจ โครงสร้างเศรษฐกิจ และสังคม หรือ ปฏิวัติ

  • กล่าวคือ องค์อธิปัตย์ จะเป็นผู้ใช้ อำนาจรัฐาธิปัตย์ แบบเบ็ดเสร็จเพียงกลุ่มเดียว คณะเดียว ทั้งการออกคำสั่ง ซึ่งมีผลบังคับใช้เป็นเสมือนกฎหมายแห่งรัฐ เป็นการใช้อำนาจนิติบัญญัติ โดยไม่ผ่านกระบวนการปกติ
  • นอกจากนี้องค์อธิปัตย์ยังใช้อำนาจทางตุลาการ ในการตั้งกลุ่มบุคคลขึ้นมาพิพากษาโทษ ตัดสินคดี กำหนด บทบังคับในการลงโทษ กับบุคคลฝ่ายตรงข้ามนั้น 
  • รวมไปถึงใช้อำนาจบริหาร ในการบริหารรัฐ - ชาติ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

องค์อธิปัตย์ จึงเป็นกลุ่มคนที่ได้อำนาจมาในรูปแบบพิเศษ ที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในสภาพปกติ และเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐาธิปัตย์ หรืออำนาจอธิปไตย แบบรวมศูนย์ เพียงผู้เดียว




 ลักษณะของผู้ที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นองค์อธิปัตย์


  1. ต้องได้ทำการยึดอำนาจรัฐาธิปัตย์จากผู้ปกครองเดิมได้เบ็ดเสร็จ
  2. ควบคุมกลไกหน่วยงานของรัฐได้แบบเบ็ดเสร็จ
  3. บีบบังคับให้ประชาชน ข้าราชการ องค์กรทางสังคมอื่นๆให้ ยอมรับ ยอมสยบ ยอมจำนน ให้ยอมรับอำนาจตน โดยดุษฎี
การได้มาซึ่งอำนาจรัฐาธิปัตย์
  1. ได้มาจากการบีบบังคับ ก่อการ รัฐประหาร จนสำเร็จลุล่วง
  2. ได้มาจากก่อการปฏิวัติ ที่สำเร็จลุล่วง
  3. ได้มาจากการยอมรับ การสถาปนาตนเองขึ้นเป็นผู้ปกครอง และสืบทอดอำนาจนั้นทางสายเลือดหรือแบบแผนที่กำหนด ( ราชาธิปไตย Absolute Monarchy )
สรุปคือ

  • รัฐาธิปัตย์ หมายถึงอำนาจสูงสุด ทั้งหมดที่มีอยู่ในรัฐโดยธรรมชาติตามสภาพ ประกอบด้วย อำนาจ บริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ ซึ่งแต่เดิมถูกใช้หรือรวมศูนย์อำนาจไว้ที่คนเพียงผู้เดียว 
ต่อมามีการศึกษาโครงสร้างอำนาจนี้ โดย มองเตสกิเออ และได้ แยกให้เห็นชัดเจน  จนรัฐ - ชาติสมัยใหม่ มีการแบ่งแยกอำนาจนี้ออกจากกัน และให้องค์กรต่างๆทางสังคม เข้ามาใช้อำนาจนั้น แยกขาดจากกันหรือ ถ่วงดุลกัน

  • องค์อธิปัตย์ หมายถึง กลุ่มบุคคล หรือคณะบุคคล ที่เข้ามาใช้อำนาจรัฐาธิปัตย์ โดยวิธีพิเศษ ที่นอกเหนือจากรูปแบบที่มีอยู่ตามสภาพปกติ และใช้อำนาจทั้งหมดที่มีเพียงผู้เดียว ทั้ง บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ
กังวาล  ทองเนตร รัฐศาสตร์ ภาควิชาการปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง