ลำโพง ( Speaker )
- ลำโพงเป็นอุปกรณ์แสดงผลอย่างหนึ่งของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ ลำโพงมีหน้าที่หลักคือ เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้า ให้เป็นเสียงที่มนุษย์เราสามารถรับฟังได้ 20 เฮิร์ตซ์ - 2 หมื่นเฮิร์ต
ลักษณะโครงสร้างของลำโพง
โดยทั่วไปลำโพงจะมีโครงสร้างที่เหมือนกันคือ
- มีแม่เหล็กถาวร ( Magnet)
- มีวอยซ์คอยล์ ( Voice Coil )
- มีกรวยกระดาษหรือโลหะ ซึ่งจะเป็นตัวที่ทำให้อากาศรอบด้านเคลื่อนไหว หรืออกมาเป็นเสียง
ลำโพงแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.ลำโพงฮอร์น ( Horn Speaker )
- ลำโพงฮอร์นมีโครงสร้าง เป็น 2 ส่วน
- คือส่วนหน้า หรือส่วนที่เป็นตัวลำโพง ทำด้วยโลหะ เรียกส่วนนี้ว่า ฮอร์น ( Horn ) มีลักษณะเป็นกรวยปากกว้าง
- ส่วนหลัง คือส่วนของไดร์เวอร์ ( Driver ) หรือเรียกแบบชาวบ้านว่าส่วนหัวกระโหลก ส่วนที่เป็นหัวกระโหลกนี้จะประกอบด้วย แม่เหล็กถาวร ขดลวดวอยซ์คอยล์ซึ่งพันอยู่บนแผ่น ไดอะแฟรม มีขนาดอิมพิแดนซ์ 4 โอห์ และ 16 โอห์ม
- เสียงที่ผ่านลำโพงฮอร์นออกไปจะเป็นเสียงระดับกลาง คุณภาพเสียงไม่สมบูรณ์ดีนัก แต่ข้อดีคือส่งเสียงไปได้ระยะไกล จึงนิยมใช้กับงานนอกสถานที่งานประชาสัมพันธ์ต่างๆ ส่วนหน้าและส่วนหลังของ ลำโพง ฮอร์น จะมีเกลียวหมุนยึดเข้าหากันหรือคลายออกจากกันได้
ส่นหน้าของลำโพงฮอร์น
ไดร์เวอร์หรือส่วนหลังหรือส่วนหัวกระโหลกของลำโพงฮอร์น
2.ลำโพงไดนามิค ( Dynamic Speaker )
- หรือเรียกอีกอย่างว่าลำโพงกรวยกระดาษ เป็นลำโพงที่ใช้กับวิทยุและเครื่องเสียงทั่วไป มีขนาดหน้ากว้างตั้งแต่ 1นิ้ว ถึง 24 นิ้ว หรือมากกว่า ตามแต่ประเภทการใช้งาน
- ส่วนประกอบหลักคือโครงเหล็ก ทำหน้าที่ยึดส่วนประกอบอื่นๆเข้าด้วยกัน เช่น แม่เหล็กถาวร กรวยกระดาษ วอยซ์คอยล์
การเกิดเสียง
- เมื่อเราป้อนสัญญานเสียง ( สัญญานเสียงคือ เสียงที่ถูกเปลี่ยนพลังงานไปเป็นรูปของพลังงานไฟฟ้าแล้ว เรียกว่าสัญญานเสียง ) ให้กับขดลวดวอยซ์คอยล์ของลำโพง จะเกิดกระแสไฟไหลในขดลวดและเกิดเส้นแรงของแม่เหล็กขึ้นโดยรอบ
- อำนาจสนามแม่เหล็กของวอยซ์คอยล์จะดูดและผลักกันกับเส้นแรงของแม่เหล็กถาวร เนื่องจากสัญญานเสียงจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตามความถี่ของสัญญานเสียงที่รับเข้าไป จังหวะนี้จะทำให้กรวยกระดาษที่ยึดติดอยู่กับวอยซ์คอยล์ เกิดการขยับเคลื่อนที่ ดูด และ ผลักอากาศบริเวณโดยรอบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามสัญญานเสียง และ เกิดเป็นเสียงดังออกมาภายนอกเช่นเดียวกับสันญานเสียงที่รับเข้ามา
- ขดลวดวอยซ์คอยล์ที่ต่อออกมาใช้งานนั้น จะมีขั้ว บวก-ลบ ชัดเจน ที่ขั้วบวก มักจะมีการทำเครื่องหมายหรือตำหนิแสดงไว้อย่างชัดเจน เพื่อสะดวกต่อการต่อใช้งาน
- หรือถ้ากรณีที่เราไม่ทราบขั้ว หรือไม่มีตำหนิเอาไว้
- มีวิธีการที่นักอิเลคทรอนิคส์เราใช้ทดสอบหาขั้วกันคือ ใช้ถ่านไฟฉายมา 1 ก้อนแล้วต่อสายจั้มเข้าที่ขั้วของลำโพงทั้งสองขั้ว แล้วให้เราสังเกต อาการที่กรวยกระดาา หรือดอกลำโพง
- ถ้าเราต่อขั้วบวกของถ่านไฟฉายตรงกับขั้วบวก ของลำโพง ( บวก ตรงบวก ลบตรงลบ ) กรวยกระดาษจะผลักออกมาด้านหน้า แสดงว่าขั้วที่เรากำลังต่อทดลองนั้นถูกขั้วแล้ว
- ถ้าต่อขั้วบวกของถ่านไฟฉายไปจั้มที่ขั้วลำโพง แล้วกรวยกระดาษลำโพงหุบเข้า หรือยุบตัวลงข้างล่าง แสดงว่า ผิดขั้ว ตรงกันข้ามกับวิธีแรก เพียงเท่านี้เราก็แยกขั้วได้แล้ว
แผ่นไดอะแฟรม
ส่วนประกอบและโรงสร้างต่างๆของลำโพงไดนามิค
ส่วนของแม่เหล็กถาวรและวอยซ์คอยล์ ที่ทำหน้าที่เหนี่ยวนำและแปลงสัญญานเป็นเสียง
เมื่อเราผ่าลำโพงออกมา
จะเห็นโครงสร้างที่เป็นแผ่นไดอะแฟรมและขดลวดวอยซ์คอยล์
อยู่แกนกลางแม่เหล็กถาวร
ลำโพงไดนามิคประเภทต่างๆ
ตู้ลำโพงแบบ 3 ทาง ต่ำ-กลาง-แหลม
ชนิดของลำโพง
- ลำโพงจะมีอยู่ 4 ชนิด แยกตามความสามารถที่ขับเสียงออกมาดังนี้คือ
- ลำโพงเสียงรวม หรือฟุลเร้งจ์ ( Full range speaker ) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองได้ทุกความถี่ อย่างกว้าง คือมีทุกเสียงออกมาแต่จะหาคุณภาพที่ชัดเจนไม่ได้ ส่วนใหญ่จะติดตั้งในวิทยุ ทรานซิสเตอร์ ลำโพงเดียว หรือวิทยุเทปที่มีลำโพงเพียงซ้าย-ขวา สองดอก
- ลำโพงเสียงต่ำ หรือเสียงทุ้ม หรือวูฟเฟอร์ ( Woofer Speaker ) เป็นลำโพงที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ตอบสนองย่านความถี่ต่ำหรือเสียงทุ้มได้ดี
- ลำโพงเสียงกลาง หรือมิดเร้งจ์ ( Mid range speaker ) เป็นลำโพงที่สร้างขึ้นมาให้ตอบสนองย่านความถี่ปานกลางหรือเสียงคนพูดได้ดี
- ลำโพงเสียงแหลม หรือ ทวีตเตอร์ ( Tweeter Speaker ) เป็นลำโพงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตอบสนองย่านความถี่สูงหรือเสียงแหลมได้ดี
ลำโพงวูฟเฟอร์หรือลำโพงเสียงต่ำ
ลำโพงไฮเอนด์ สำหรับนักเล่นเครื่องเสียงมืออาชีพ
การต่อลำโพงใช้งาน
- การต่อลำโพงใช้งานต่อได้ 3 วิธีดังนี้
- ต่อแบบอนุกรม หรือแบบอันดับ ( Series ) การต่อแบบนี้ค่าอิมพิแดนซ์ของลำโพงจะสูงขึ้นเท่ากับค่าอิมพิแดนซ์ของลำโพงทุกตัวรวมกัน เช่น ลำโพงตัวที่ 1 มี 8 อิมพิแดนซ์ ตัวที่ 2 8 ตัวที่สาม 8 ก็จะได้ 8+8+8+=24 โอห์ม การต่อแบบนี้ถ้
- าลำโพงตัวใดตัวหนึ่งขาด ที่เหลือก็จะไม่ดังตามไปด้วย เพราะเป็นการต่อแบบอันดับกัน คือ ขั้วลบ เข้าขั้วบวกของอีกตัว ลบบวกๆๆๆ ไปเรื่อยจนครบ สูตรการคำนวนคือ Zt=Z1+Z2+Z3+.........ZN
- การต่อแบบขนาน ( Parallel ) การต่อแบบนี้ค่าของลำโพงทุกตัวจะลดลง
- การต่อแบบผสม ( Series-Parallel ) การต่อแบบนี้เราจะต่อใช้ในกรณีที่มีลำโพงหลายๆตัวและต้องการให้ทุกตัวต่อถึงกันหมด โดยให้มีอิมพิมแดนซ์กับขั้วออกของอิมพิแดนซ์ของเครื่องขยายเสียง (ดูอิมพิแดนซ์เครื่องขยายเสียงได้ตรงที่จุดต่อสัญานออก หรือจุด เอาท์พุท ส่วนใหญ่ จะเป้น 120 โอห์ม
เพิ่มเติม
- อิมพิแดนซ์คือ ค่าความต้านทานภายในของลำโพงแต่ละตัว ซึ่งจะมีไม่เท่ากัน เช่น 4 โอห์ม 6 โอห์ม 8 โอห์ม 16 โอห์ม 32 โอห์ม ดังนั้นค่าอิมพิแดนซ์ก็คือค่าความต้านทานที่เกิดจากขดลวด ในกรณีลำดพงก็คือ ขดลวดวอยซ์คอยล์นั่นเอง
- นอกจากนี้ลำโพงจะมีเสียงดังหรือไม่ดัง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขวัตต์เป็นสำคัญ
- แต่ขึ้นอยู่กับค่าความไวของลำโพงเป็นสำคัญ เราจะพบตัวเลขพวกนี้อยู่ที่ด้านหลังตู้ลำโพงทุกตัว หรือพิมพ์ไว้ที่แม่เหล็กของลำโพง เช่น ลำโพงตัวหนึ่งมีค่า ความไว ที่ 90 เดซิเบล หรือ 90 db อีกตัว 86 db
- แน่นอนว่า ลำโพงตัวที่ค่าความไวสูง 90 db จะต้องดังมากกว่าเพราะถ้าเราป้อนเสียง 5 วัตต์เท่ากัน ลำโพงตัวนี้รับเสียงได้เร็วกว่าในขณะที่อีกตัว จะขับไม่ออก ต้องใช้แอมป์ขับขนาดใหญ่กว่า
- คือยิ่งลำโพงความไวสูง 90-120 db ยิ่งหาแอมป์มาขับง่ายกว่า แม้แอมป์วัตต์ต่ำก็ขับออกเสียงดังกว่า
- ในขณะที่ ลำโพงความไวต่ำตั้งแต่ 89 db ลงไป จะต้องใช้แอมป์วัตต์สูงถึงจะขับออก
- แต่ข้อควรจำคือ การที่ลำโพงเสียงดัง หรือเสียงไม่ดัง ไม่ใช่ข้อกำหนดว่าลำโพงตัวนั้นเสียงดี แต่จะต้องประกอบกันเป็นชุด ทั้งแอมป์ที่ขับ คุณภาพดี ลำโพง มีโครงสร้างมีมาตรฐานดี มีค่า ดีบี และค่า อิมพิแดนซ์ หรือค่าโอห์ม ที่สอดรับกับแอมป์ นอกจากนี้ยังรวมถึงวัสดุที่สร้างดอกลำโพง ขนาดตู้วัสดุที่ทำตู้ และสำคัญที่สุดอีกอย่างคือต้นทางคือที่มาของเสียง
- นั่นคือ แผ่น และเครื่องเล่น รวมถึงตัวผ่องถ่ายสัญญานเสียงนั่นคือสายนำสัญญานเสียงที่ดีนั่นเอง
- กังวาล ทองเนตร ช่างอิเลคทรอนิคศ์ สาขาช่างวิทยุ ช่างโทรทัศน์ขาวดำ โรงเรียนแสงทองอิเลคทรอนิคส์ สาขาช่างโทรทัศน์สี วีดีโอ เลเซอร์คอมแพ็คดิสก์ โรงเรียน ช่างเทคนิคเทพนิมิตร ( เทคนิคไทยญี่ปุ่น )
สายนำสัญญาน
มิกซ์เซอร์
คีมตัดสาย
เอวีรีซีฟเวอร์แอมป์ ยี่ห้อต่างๆ มีราคาตั้งแต่ 2 หมื่น ถึงหลายแสน มีจำหน่ายทั่วไปตามร้านเครื่องเสียงไฮเอนด์
สุดยอด เอวีรีซีฟเวอร์ ฮาร์แมนการ์ดอน ที่ให้เสียงกระหึ่ม เหมาะสมหรับดูหนังแอคชั่นและฟังเพลง เฮฟวี่ร็อคและลูกทุ่ง ที่มีระบบแยกเสียง เซอร์ราวด์รอบทิศทาง 7.1 ทั้งระบบดอลบี้ดิจิตอล DTS
ลำโพงโฮมเธียเตอร์ ไฮเอนด์ที่ให้คุณภาพเสียงที่ยิ่งกว่าโรงหนัง
ด้านหลังแอมไฮเอนด์ ชุดโฮมเธียเตอร์ เอวีรีซีพเวอร์แอมป์ ที่ให้เสียงสมจริงรอบทิศทางด้วยระบบแยกแยก 7.1
แอมป์หลอดที่มีนักนิยมเพลงทั้งหลายยังหลงไหลในน้ำเสียงที่อ่อนหวานพริ้วสบาย ไม่กระชากหู
โรงหนังส่วนตัวภายในบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น