หน้าเว็บ

กลับหน้าแรกล่าสุด

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

ประวัติศาสตร์เกาหลี


ตันกุน ( Tan-gun )


เกาหลียุคโบราณ

ประวัติศาสตร์ เกาหลี ดั้งเดิม เริ่มในยุคมนุษย์ยุค พาลิโอลีธิค ( Paleolithic ) ประมาณ 6 แสนปีมาแล้ว โดยมีการขุดพบเครื่องมือที่ทำด้วยหินและกระดูกผู้คนยุคนั้นดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ หาปลา อาศัยอยู่ในป่า ภูเขา และถ้ำ


  • ต่อมาพวกอัลเตอิค ( Altaic ) ได้อพยพมาจากทางตอนเหนือของทวีปเอเชีย เข้ามาตั้งถิ่นฐานบนคาบสมุทรเกาหลี เมื่อประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว
  • ยุคบรอนซ์ (  Bronze  Age ) ได้มีการผสมผสานกับชาวพื้นเมืองดั้งเดิมของคาบสมุทรเกาหลี รวมเข้ากัน เรียกว่าชนเผ่า ตังกัส ( Tangus ) จึงถือเอาว่าชนเผ่ากลุ่มนี้เป็นบรรพบุรุษของชาวเกาหลียุคปัจจุบัน







ซาวด์จูมง





โคกูริยอ


การก่อเกิดชาติเกาหลี

มีตำนานเล่าถึง ตันกุน ( Tan-gun ) ผู้เป็นรับบุรุษ กึ่งเทพเจ้า ได้เป็นปฐมกษัตริย์ และได้รวบรวมแคว้นต่างๆ ในคาบสมุทรเกาหลี เข้าด้วยกัน และก่อตั้งเป็นชาติ เกาหลีขึ้นมาเมื่อ 2,333 ปี ก่อน ค.ศ. และได้กำหนดเอาวันที่ 3 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันกำเนิดชาติ (  National Foundation Day )


การเมืองการปกครองเกาหลี

เริ่มขึ้นในยุคสามอาณาจักร ได้แก่
  •  โคกูริว ( Koguryo Kingdom )
  • เพ็กเจ ( Packshe Kingdom )
  • ซิลลา  ( Shilla  Kingdom )
  •  โคกูริว ( Koguryo Kingdom ) ปีที่ 37 ก่อน ค.ศ. -ค.ศ.668 อาณาจักรนี้มีอิทธิพลมากที่สุดในบรรดา 3 อาณา และครอบครองดินแดน 2 ใน 3 ของประเทศทั้งหมด และส่วนใหญ่จากแมนจูเรีย


  • เพ็กเจ ( Packshe Kingdom ) กำเนิดขึ้นในปีที่ 18 ก่อน ค.ศ.-ค.ศ 660 ตั้งอยู่บริเวณที่เป็นกรุงโซลปัจจุบัน ต่อมาได้อพยพลงมาทางตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี อาณาจักรนี้มีความรู้เรื่องเหล็ก และเทคนิคการทำไหม และได้นำสิ่งเหล่านี้และศาสนาพุทธเข้าไปยังญี่ปุ่น

  • ซิลลา  ( Shilla  Kingdom ) กำเนิดขึ้นเมื่อ ปีที่ 57 ก่อน ค.ศ.- ค.ศ. 935 อาณาจักรนี้ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทร อาณาจักรนี้มีความเข้มแข็งยิ่งใหญ่ สามารถเอาชนะ อาณาจักรโคกูริวและ เพ็กเจ ได้ ใน ค.ศ.676
  • ในช่วงที่รวมอาณาจักรทั้งสามเข้าด้วยกัน ศาสนาพุทธก็ได้เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในดินแดนแห่งนี้ นับว่าเป็นยุคทองของศาสนาพุทธ มีศิลปะ สถาปัตยกรรม ปฏิมากรรมที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น การแกะสลักพระพุทธรูปหินแกรนิต ที่วัดในเมือง คยองจู ( K yongju ) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรซิลลา

  • เกาหลีในยุคอาณาจักรซิลลา ได้รับอิทธิพลความเจริญมาจากจีน ซึ่งเป็นยุค ราชวังค์ถัง

จนอาณาจักรซิลลา ถูกเรียกว่า ถังน้อย ( Little  Tang ) 
ต่อมาเมื่อกษัตริย์อ่อนแอ ก็ได้เกิดกบฏขึ้นหลายครั้งใน ซิลลา และอาณาจักร ซิลลา ก็ได้เสื่อมลงในศตวรรษที่ 9

เกาหลียุคกลาง

  • อาณาจักรได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งภายใต้การนำของ  วังคอง  ( Wang Kong ) ได้ก่อตั้งราชวงค์ โคริโย ขึ้นมา เมื่อ ค.ศ.918 -1392 มีเมืองหลวงชื่อ เคซอง ( Kaesong )
  • สมัยนี้เป็นยุคที่ศาสนาพุทธรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก พระภิกษุในสมัยนี้ ถูกยกย่องให้เทียบเท่ากับขุนนาง และได้มีพระไตรปิฎกฉบับภาษาเกาหลีขึ้น ( Tripitaka Kareana ) ถือว่าเป็นพระไตรปิฎกที่เป็นฉบับตัวเขียนที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก
  • เป็นยุคที่ศิลปะ วัฒนธรรมต่างๆเฟื่องฟู เป็นอย่างมาก เช่นเครื่องเคลือบดินเผาสีฟ้า ถ้วยชามหม้อ ไห  มีการแกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรงดงาม เป็นสินค้าที่ชาวต่างชาติสนใจ และมีการทำแท่นพิมพ์โลหะเคลื่อนที่ได้ ก่อน กูเตนเบอร์ก ถึง 200 ปี


Tripitaka Kareana


ตอนปลายสมัยอาณาจักรโคริโย ขุนนางชั้นผู้ใหญ่มีการแบ่งกันออกเป็น 2 กลุ่มขั้วอำนาจคือ
  • กลุ่มนิยมราชวงค์หมิง ( จีน )
  • กลุ่มนิยมราชวงค์มองโกล
เมื่อ ค.ศ.1231 ราชวงค์หยวน ของมองโกล ที่ปกครองจีนอยู่ในขณะนั้น ได้กรีฑาทัพ เข้ายึดครอง โคริโย และสำเร็จได้ ในปี ค.ศ. 1258
  • และเมื่อ ค.ศ.1392 นายพล ยิ ซองเกีย ( Yi Song gye ) ได้ก่อรัฐประหารขึ้น และยึดอำนาจคืนจากราชวงค์หยวนของมองโกลจากจีน ได้สำเร็จ และได้สถาปนาราชวงค์ ยิ ( Yi Dynasty )
  • และเปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักร โชซอน ( Chosan Kingdom ) ค.ศ. 1392-1910 รวมเวลา 518 ปี
เป็นช่วงแห่งการสั่งสมวัฒนธรรมเกาหลี มีเมือง อันยาง ( An-Yang ) ( กรุงโซล ปัจจุบัน ) เป็นเมืองหลวง และมีการสร้างพระราชวัง และประตูเมืองที่ใหญ่โต สวยงาม

ในสมัยกษัตริย์ เชจอง ( Sejong ) ค.ศ. 1418-1450 มีการปฏิรูปการปกครองใหม่ 
  • มีการจัดตั้ง กระทรวง ทบวง กรม ได้แก่
  • สำนักนายกรัฐมนตรี
  • สำนักราชเลขาธิการ
  • หน่วยงานเทียบเท่ากรมอีก 6 หน่วยงาน
  • และมีการจำลองการปกครองส่วนภูมิภาคมาจากจีน
  • มีการรับราชการโดยการสอบไล่
  • และรับอิทธิพลของลัทธิ ขงจื๊อ เข้ามา จนเรียกสมัยนี้ว่า จีน จำลอง ( China Replica )
  • มีการประดิษฐ์อักษร เกาหลีขึ้นในปี ค.ศ. 1443 เรียกอักษรเกาหลีนี้ว่า อักษร ฮันกูล ( Han-Gul )



ตันกุน ( Tan-gun )



ความแตกแยกจากการถูกแทรกแซงจากต่างชาติ


  • ช่วงศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา เกาหลีเกิดการขัดแย้ง แตกแยกอย่างหนักทั้งในส่วนกลาง และ ส่วนภูมิภาค

ขัดแย้งระหว่างตระกูล ความเกลียดชังเป็นปฏิปักษ์ส่วนตัว ขัดแย้งในทางความคิดและนโยบายทำให้เกาหลียุคนี้ อ่อนแอถึงขีดสุด เหมือนบ้านไร้เสาหลัก

  • ในที่สุดเกาหลีก็ถูกญี่ปุ่นฉวยโอกาส เข้ารุกราน ในขณะที่ราชวงค์หมิงของจีน ก็ได้กางปีกช่วยปกป้องเกาหลี จากญี่ปุ่น ใน ค.ศ.1592 และ 1598 ที่เกาหลีได้รับความช่วยเหลือจากจีน
  • มีผลให้ เกาหลีในยุคนี้ตกอยู่ใต้อิทธิพลของจีน โดยความสัมพันธ์ ระหว่างเกาหลีกับจีนในยุคนี้
  • เกาหลีเป็นเพียงเมืองขึ้น หรือ ประเทศราชของจีนเท่านั้น มีการจัดส่งส่วย หรือเครื่องราชบรรณาการให้แก่จีน ทำให้จีนพอใจในสภาพความสัมพันธ์เช่นนี้ เพราะราชวงค์ ยิ อยู่ใต้ปกครองตลอดไป
  • จากสภาพการ เช่นนี้สังคมเกาหลี ถูกจำกัดอยู่แต่เพียง จีน และญี่ปุ่นเท่านั้น ทำให้ขาดการติดต่อจากประเทศชาติตะวันตกอื่น ส่งผลให้ความรู้ วิทยาการสมัยใหม่ ถูกปิดกั้นลงไปด้วย
  • การเมืองการปกครองเกาหลียุคนี้จึงเป็นยุคที่ ตกต่ำ ล้าหลังจนถึงที่สุด สังคมเสื่อมโทรม ประชาชนเป็นอยู่อย่างยากลำบาก



เกาหลียุคใหม่


  • ประมาณ ค.ศ.1876 หรือ ศตวรรษที่ 19 เกาหลีได้เปิดประเทศ และติดต่อกับต่างชาติ เนื่องจากที่ตั้งบนคาบสมุทรเกาหลีได้เปรียบทางทำเล เปรียบเหมือนสะพานเชื่อม เกาหลี และจีน แมนจูเรีย และรัสเซีย 
  • ตลอดจนเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการรบ ทำให้หลายๆครั้งคาบสมุทรเกาหลี ถูกดึงเข้าร่วมกับสงครามโดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่น

  • สงครามจีน กับ  ญี่ปุ่น เมื่อ ค.ศ.1894-1895 คาบสมุทรเกาหลีก็ถูกใช้เป็นสมรภูมิรบ
  • สงคราม ญี่ปุ่น กับ รัสเซีย   ค.ศ.1904-1905 คาบสมุทรแห่งนี้ก็กลายเป็นสมรภูมิรบไปด้วย
  • จากสภาพการดังกล่าวทำให้เกาหลีพยายามจะสลัดตัวเองให้หลุดพ้นจากสภาวะสงคราม โดยการใช้นโยบายแยกตัวเองออกมาอย่างโดดเดี่ยวและยึดมั่นในสันติภาพ จนถูกขนานนามว่า รัฐ ฤาษี ( The Hermit State ) ถึงอย่างนั้นก็ตามเกาหลีก็เหมือนมีกรรม ไม่สามารถหลีกหนีหรือหลุดพ้นสงครามได้ โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น
  • ญี่ปุ่นมองเกาหลีว่า มีความสำคัญเป็นอย่างมากทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ การสงคราม นับว่าเป็นผลกระทบโดยตรงต่อผลประโยชน์ของญี่ปุ่น จากการจะใช้เกาหลีเป็นทางผ่านเพื่อติดต่อกับเอเซียส่วนอื่นๆ
  • ญี่ปุ่นมีแนวนโยบายที่จะเข้ายึดครองเกาหลีอยู่เป็นทุนเดิมแล้วและในที่สุด
  • เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ.1910 ญี่ปุ่นก็ได้ยกทัพเข้ายึดครองเกาหลีได้เบ็ดเสร็จ และบีบบังคับให้เกาหลี ยอมลงนามเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของญี่ปุ่น และเกาหลีได้ตกอยู่ใต้อำนาจของญี่ปุ่นนานถึง 35 ปี เป็นช่วงเวลาที่ชาวเกาหลีเจ็บปวด ขมขื่น และเกลียดชังญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

  • ในขณะที่ญี่ปุ่นได้ตักตวงกอบโกยเอาผลประโยชน์มากมายมหาศาลไปจากแผ่นดินเกาหลีและชาวเกาหลี ทั้งทรัพยากรและแรงงาน
  • นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังได้บังคับชาวเกาหลีให้ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการอีกด้วย
  • รวมถึงบีบบังคับธรรมเนียมการตั้งชื่อโดยให้เปลี่ยนชื่อไปเป็นแบบญี่ปุ่น
  • และให้ชาวเกาหลีหันไปนับถือศาสนาชินโต
  • จัดตั้งหน่วยสืบราชการลับเพื่อสอดส่องจับกุมผู้ขัดขืน
  • ย้ายโรงงานอุตสาหกรรมของเกาหลีไปไว้ภาคเหนือ
  • ให้ภาคใต้เป็นแหล่งเกษตรกรรม เพื่อใช้เป็นอู่ข้าวอู่น้ำให้กับชาวญี่ปุ่น
  • โอนกิจการธนาคาร การคมนาคม ระบบขนส่ง ระบบสหกรณ์ ไปอยู่ในควบคุมของญี่ปุ่น คือบริษัท บูรพาแห่งญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นตั้งขึ้นเพื่อดูแลผลประโยชน์ตนเอง และนำผลประโยชน์รายได้ส่งกลับไปญี่ปุ่น
  • ความเกลียดชังญี่ปุ่นถูกซึมเข้าไปในสายเลือดของชาวเกาหลี ความเจ็บปวดและขมขื่นจากการถูกกระทำถูกกดขี่ ได้ก่อเกิดให้ชาวเกาหลีที่แตกเป็นก๊กเหล่า ได้หันมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน และกลายเป็นพลังมหาศาลที่จะรวมกันต่อต้านและขับไล่ญี่ปุ่น
  • เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ.1919 ได้จัดตั้งขบวนการกู้ชาติขึ้น (  The Independence Movement )
  • ขบวนการดังกล่าวได้ซุ่มโจมตี เข้าทำลายทรัพย์สิน และชีวิตทหารญี่ปุ่นโดยทั่วไป
  • แต่ก็ถูกผู้ปกครองชาวญี่ปุ่นออกคำสั่งกวาดล้างขบวนการกู้ชาติอย่างหนักหน่วง
  • ส่งผลให้ชาวเกาหลีนับแสน ได้อพยพหนีตายเข้าไปหลบภัยอยู่ที่ กันโก ( Kun-Go) ซึ่งอยู่ทางเหนือติดกับชายแดนจีนและรัสเซีย 
  • ส่วนปัญญาชนและผู้มีฐานะได้ทิ้งประเทศอพยพไปตั้งถิ่นฐานที่เกาะฮาวายประเทศสหรัฐอเมริกา
  • บางกลุ่มก็หนีไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้และเมืองใหญ่ๆของจีน และพวกเหล่านี้ได้ลักลอบส่งเงิน และระดมอาวุธ ให้ความช่วยเหลือให้ชาวเกาหลีที่อยู่ในประเทศใช้ต่อสู้กับญี่ปุ่น


ขบวนการกู้ชาติเกาหลีแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ( จับประเด็นนี้ไว้ให้ดีครับ )
ผู้นำกลุ่มเสรีนิยม

  1. กลุ่มชาตินิยมและเสรีนิยม
  2. กลุ่มคอมมิวนิสต์
  • ทั้งสองกลุ่มนี้ตามสภาพเดิมมีความแตกต่างกันทางความคิดทางการเมืองแบบสุดขั้ว
  • แต่เมื่อเวลานี้ ทั้งสองกลุ่มเห็นตรงกันคือ กำจัดญี่ปุ่นให้พ้นจากเกาหลี จึงหันหน้าเข้ามารวมกัน ยอมทิ้งอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่างกลุ่มไว้ชั่วคราว

  • ทั้งสองกลุ่มได้ร่วมมือกันเข้าโจมตีญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง และประจวบกับเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น และเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงคราม
  • ชาวเกาหลีทั้งหมดจึงได้สัมผัสกับเอกราชใหม่ อีกครั้ง ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 และชาวเกาหลีถือว่าวันนี้เป็นวันแห่งอิสระภาพ ( Liberation Day ) และประกาศให้เป็นวันหยุดราชการสืบมาจนปัจจุบัน

  • เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อิสรภาพที่ชาวเกาหลีเพิ่งได้สัมผัสยังไม่ทันอุ่นมือ
  • ประเทศเกาหลีถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ตรงบริเวณเส้นขนานที่ 38 องศาเหนือ เป็นเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ โดยให้ถือ เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นเขตแดน เป็นเขตปลอดทหาร

  • ฝ่ายเหนือ มีเงายักษ์ใหญ่อย่างจีนยืนทะมึน อยู่ข้างหลัง
  • ฝ่ายใต้ก็มีเงามหาอำนาจอย่างอเมริกา ยืนทับเงาอยู่ข้างหลังเช่นกัน
นายซิงมัน รี หรือ อี ซึงมัน (ประธานาธิบดีคนแรกเกาหลีใต้ )
ผู้นำกลุ่มขบวนการกู้ชาติสายเสรีนิยม

นางบั๊ก กึนเฮย์ นายกเกาหลีใต้คนปัจจุบัน ( พ.ศ.2556 )




ธงชาติเกาหลีใต้  (ธงชาติเกาหลีเรียกว่า แทกึกกี )
  • ฝ่ายใต้เรียกชื่อประเทศตัวเองว่า สาธารณะรัฐเกาหลี ( The Republic of Korea ) จัดการปกครองประเทศเป็นแบบประชาธิปไตย มี ดร.ซิงแมน รี ( Singman Ri ) ได้รับการรับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนแรก รัฐธรรมนูญฉบับแรกร่างเสร็จเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ.1948 และถือว่าวันนี้เป็นวันรัฐธรรมนูญ และประกาศให้เป็นวันหยุดราชการมาจนถึงปัจจุบัน



ผู้นำคนแรกเกาหลีเหนือ ( ผู้นำกลุ่มกู้ชาติสายคอมมิวนิสต์ )








นาย คิม จอง อิล ( ผู้นำเกาหลีเหนือรุ่นที่ 2 )







นาย  คิม   จองอุน ( ผู้นำรุ่นที่ 3 คนปัจจุบัน เกาหลีเหนือ )

ธงชาติเกาหลีเหนือ

  • ฝ่ายเหนือ เรียกชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐประชาชนเกาหลี ( The Democratic People's  Republic of Korea ) จัดการปกครองประเทศเป็น แบบคอมมิวนิสต์ มีนายคิม อิลซุง ( Kim II Sung ) เป็นประผู้นำประเทศและจัดตั้งรัฐบาลครั้งแรกเมื่อ วันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1948





แผนที่ประเทศเกาหลี มีรูปร่างคล้ายปืนพกสั้น
โดยฝ่ายใต้เป็นด้ามปืน ฝ่ายเหนือเป็นกระบอกปืนแบ่งประเทศกันที่เส้นขนานที่ 38 องศาเหนือ

  • คำว่าเกาหลี ( Korea ) มาจากคำว่า โคริโย ( Koryo )


ชนชั้นเกาหลียุคโบราณแบ่งออกเป็น 4 ชนชั้นได้แก่
  1. ชนชั้นสูง เรียกว่า ยางบัน ( Yang ban ) ได้แก่ ขุนนาง ข้าราชการระดับสูงทั้งทหารและพลเรือน  นักวิชาการ นักปราชญ์ บุตรหลานชนชั้นสูงจะได้รับยศฐาบรรดาศักดิ์ตั้งแต่เกิด
  2. ชนชั้นกลาง เรียกว่า ชินจิน ( Shin-Jin ) ได้แก่ข้าราชการระดับกลางและระดับล่าง มีตำแหน่งหน้าที่ทางสังคมและมีการศึกษาสูงกว่าสามัญชน
  3. ชนชั้นสามัญ หรือชนชั้นสาม เรียกว่า แซงมิน ( Sang Min ) ได้แก่ พ่อค้า ชาวไร่ ชาวนา          ช่างฝีมือ
  4. ชนชั้นต่ำหรือชนชั้นที่สี่ เรียกว่า ซุนมิน ( Sun-Min ) ได้แก่พวกนักแสดง คนฆ่าสัตว์และทาส
  • ชนชั้นต่ำนี้จะถูกพวกชนชั้นสูงเรียกว่า แซง-นอม ( Sang-Nom) หรือพวกไพร่ เป็นคำดูถูกเหยียดหยาม โดยในแต่ละชนชั้นจะมีการแบ่งแยก มีข้อห้าม มีที่อยู่อาศัย มีภาษาพูด เครื่องแต่งกาย และห้ามแต่งงานกับชนต่างชนชั้น ห้ามทำพิธีศพร่วมกัน ห้ามชนชั้นต่ำสวมเสื้อผ้าที่มีสีสันหลากสี

ระบบชนชั้นถูกยกเลิกไปเมื่อ ค.ศ.1894 ในช่วงสงคราม จีน กับ ญี่ปุ่น และถูกทำลายลงอีกครั้งในสงครามเกาหลีเมื่อ ค.ศ.1950 และส่งผลให้ชาวเกาหลีมีความเสมอภาคตั้งแต่นั้นมา

สงครามเกาหลี ค.ศ.1950-1953

  • สงครามเกาหลีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1950  โดยทหารเกาหลีเหนือกว่า 6 หมื่นนายได้รุกล้ำเส้นขนานที่ 38 เข้ามาในเกาหลีใต้
  •  และสามารถยึดกรุงโซลได้ในเวลาเพียง 5 วัน  อเมริกาและสหประชาชาติได้ยกพลขึ้นบกที่เกาหลีใต้อีกครั้งหนึ่งเพื่อขับไล่กองกำลังทหารเกาหลีเหนือออกไป
  • และได้โจมตีดินแดนบางส่วนของจีน ทำให้พญามังกรอย่างจีนเดือดดาน จึงได้ส่งทหารเข้าร่วมรบสนับสนุนเกาหลีเหนือ ยึดดินแดนที่เสียไปคืนมาได้และได้เข้ายึดกรุงโซลกลับมาได้อีก
  • แต่อเมริกาและสหประชาชาติก็สามารถยึดเกาหลีใต้กลับคืนมาได้อีกครั้งเช่นกัน และตกลงมีการเซ็นสัญญาทางทหารหยุดยิง ที่หมู่บ้านปันมุนจอม ( Panmunjom ) ในวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ.1953 เป็นการยุติสงครามที่กินเวลายาวนานถึง 3 ปีลงได้
แทกึกกี1

แทกึกกี2

แทกึกกี3

แทกึกกี4

แทกึกกี5




แทกึกกี6
แทกึกกี7



แทกึกกี8





แทกึกกี9
แทกึกกี10

แทกึกกี11




กังวาล ทองเนตร รัฐศาสตร์ ภาควิชาการปกครองมหาวิทยาลัยรามคำแหง

ขอขอบคุณข้อมูลจากผู้ช่วยศาสตร์จารย์ มยุรี เจริญ
ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง


อ้างอิง           >>>           ประธานาธิบดีคนแรกเกาหลีใต้
                             >>>           ประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีเหนือ
                             >>>           รายชื่อประธานาธิบดีเกาหลีใต้
                           >> >            ประเทศเกาหลีเหนือ
                            >>>            เกาหลีโบราณ
       


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น