หน้าเว็บ

กลับหน้าแรกล่าสุด

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วรรณคดีไทยสมัยสุโขทัย



วรรณคดีไทย


  • วรรณคดีไทยในสมัยต่างๆมักมีอิทธิพลของสภาพแวดล้อม ทั้ง สภาพการเมือง วัฒนธรรม ศิลธรรม เข้าแทรกอยู่ในเนื้อหาแทบทุกเรื่อง 
  • ดังนั้นรูปแบบของวรรณคดีแต่ละยุคแต่ละสมัยจึงแตกต่างไปตามแต่สภาพบ้านเมืองในยุคนั้นๆ

จริงอยู่แม้ วรรณคดีไม่สามารถอ้างอิงหรือพิสูจน์หลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ทั้งหมด แต่ก็ปฏิสธไม่ได้ว่าหลักฐานส่วนหนึ่งทางประวัติศาสตร์ก็สามารถ ใช้วรรณคดีเทียบเคียงได้


  • หมายเหตุ งานเขียนทุกชนิด เราเรียกว่า วรรณกรรม แต่วรรณกรรมทุกเรื่อง ไม่สามารถเป็นวรรณคดีได้ทั้งหมด จะมีวรรณกรรมเพียงบางเรื่องเท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับ ว่าสามารถเป็นวรรณคดีได้



วรรณคดีสมัยสุโขทัย


1.ศิลาจารึกหลักที่ 1

 มีการสันนิษฐานว่า จารึก 2 ครั้ง ครั้งแรกจารึกตามพระราชโองการของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ครั้งที่ สอง เป็นของพระมหาธรรมราชาลิไท พระข้อความส่วนใหญ่เป็นการกล่าวเชิดชูยกย่องพ่อขุนรามฯ

ลักษณะคำประพันธ์ เป็นความเรียงร้อยแก้ว บางตอนมีสัมผัส เนื้อหาเป็นการบรรยายสภาพบ้านเมืองในยุคนั้น

     2. ไตรภูมิพระร่วง  

ผู้แต่งคือ พระมหาธรรมราชาลิไท
ลักษณะคำประพันธ์ เป็นความเรียงร้อยแก้ว
ลักษณะเนื้อเรื่อง เป็นการแสดงคำสอนต่างๆในศาสนาพุทธ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความเชื่อของคนไทยแต่โบราณ พรรณนา ถึง นรก สวรรค์ เปรต ฯลฯ เป็นการสอนให้คนเกลียดความชั่ว และให้สร้างความดี

เนื้อเรื่องโดยย่อ ขึ้นต้นด้วยชื่อผู้แต่ง วันเดือนปีที่แต่งและที่มาของเรื่องอย่างละเอียด ความมุ่งหมายในการแต่ง ระบุว่าเพื่อเทศนาโปรดพระมารดา และสั่งสอนประชาชน เนื้อเรื่องกล่าวถึงภูมิทั้ง 3 คือ

กามภูมิ คือ แดนที่เกี่ยวข้องกับกามตัณหา ได้แก่ แดนนรก เดรัจฉาน เปรต และอสูรกาย เรียกว่าทุติยภูมิ หรืออบายภูมิ ส่วนสุขคติภูมิ คือมนุสสภูมิฉกามาพจรภูมิ ได้แก่ จาตุมาหาราช ดาวดึงส์ ยามะ ดุสิต นิมานรดี และ ปรนิมมิตวสวัตถี

รูปภูมิ คือ  แดนที่ไม่มีการเกี่ยวข้องกับกามตัณหา ผู้ที่เกิดในแดนนี้ เรียกว่า  พรหม มีทั้งหมด 16 ชั้น เรียกว่า โสฬสพรหม ประกอบด้วย

  • ปฐมฌาน 3 ได้แก่ พรหม ปาริสัชชา พรหมปโรหิตา และมหาพรหม
  • ทุติยฌาน 3 ประกอบด้วย ปริตตาภา อัปปมาฌาภา และอาภัสสรา
  • ตติยฌาน 7 ประกอบด้วย  อสัญญีสัตตา เวทัปผลา อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกุนิฎฐกา


อรูปภูมิ คือ  แดนของพรหม ซึ่งไม่มีรูปกาย มีแต่ จิต มีอยู่ 4 แดนได้แก่

อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ และ อากิญจัญญายตนะ



ลักษณะของภูมิทั้งสี่ชั้น

ไตรภูมิพระร่วงนี้ เดิมมีชื่อว่า เตภูมิกถา ต่อมาสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เปลี่ยนชื่อใหม่ มาเป็น ไตรภูมิพระร่วง เมื่อ พ.ศ.2455 จากหลักฐานแจ้งว่า เพื่อให้สอดรับกับ สุภาษิตพระร่วง

ตัวอย่างคำประพันธ์ในไตรภูมิพระร่วง

เปรตลางจำพวกตัวเขาใหญ่ ปากเขาน้อยเท่ารูเข็มนั้นก็มี
เปรตลางจำพวกผอมหนักหนาเพื่ออาหารจะกินบ่มิได้แม้ว่าจะขอดเอาเนื้อน้อย 1 ก็ดี เลือดหยดหนึ่งก็ดี บ่มิได้เลยเท่าว่ามีแต่กระดูก และหนังพอกกระดูกภายนอกอยู่ไส้ หนังท้องนั้นเหี่ยวติดกระดูกสันหลังแลตานั้นลึก แล กลวงดังแสร้างควักเสีย ผมเขานั้นยุ่งรุ่ยร่ายลงมาปกบ่าเขา ฯ

       3. สุภาษิตพระร่วง 

สันนิษฐานว่าผู้แต่งคือพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ลักษณะคำประพันธ์ ตอนต้น แต่งด้วยร่ายโบราณ แต่ส่วนท้าย เป็นร่ายสุภาพ และจบลงด้วยโคลง กระทู้

เนื้อเรื่องวรรณคดีเรื่องนี้ เป็น ภาษิตไทย ใช้ภาษา พื้นๆ ไม่มีภาษิตต่างประเทศหรือพันทางเข้ามาปะปน ภาษาที่ใช้คล้ายกับที่จารึกในศิลาจารึกหลักที่ 1 จุดมุ่งหมายเพื่อสั่งสอนประชาชน

เนื้อเรื่องโดยย่อ

เริ่มด้วยการกล่าวถึงพระร่วงเจ้าที่ครองกรุงสุโขทัย ที่ทรงเห็นเหตุการณ์ในอนาคตจึงทรงบัญญัติสุภาษฺตขึ้นเพื่อสั่งสอนประชาชนทั่วไป เนื้อความสุภาษิตบทแรกคือ เมื่อน้อยให้เรียนวิชาให้หาสินมาเมื่อใหญ่ และจบลงด้วยโคลงกระทู้หนึ่งบท

ตัวอย่างคำประพันธ์ในสุภาษิตพระร่วง

เมื่อน้อยให้เรียนวิชา          ให้หาสินมาเมื่อใหญ่
อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน         อย่าริระร่านแก่ความ
ประพฤติตามบูรพระบอบ     เอาแต่ชอบเสียผิด
อย่าประกอบกิจเป็นพาล      อย่าอาจหาญแก่เพื่อน
เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า            หน้าศึกอย่านอนใจ
ไปเรือนท่านอย่านั่งนาน       การเรือนตนเร่งคิด
อย่านั่งชิดผู้ใหญ่                   อย่าใฝ่สูงให้พ้นศักดิ์
ที่รักอย่าดูถูก                         ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง
สร้างกุศลอย่ารู้โรย                อย่าโดยคำคนพรอด
เข็นเรือทอดทางถนน             เป็นคนอย่าทำใหญ่ ฯ

          4.  ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ 

ผู้แต่ง นางนพมาศ ธิดาพระศรีมโหสถ กับนางเรวดีได้รับตำแหน่งสนมเอกมีนามว่า ท้าวศรีจุฬาลักษณ์

ลักษณะคำประพันธ์ แต่งเป็นความเรียงร้อยแก้ว มีบางตอน เป็นบทกลอน ดอกสร้อย

เนื้อเรื่องคล้ายสุภาษิตพระร่วง แต่สำนวนการเขียนไม่เก่าถึงสุโขทัย เป็นการกล่าวถึงชาติ ภาษา ยอเกียรติพระร่วง ประวัติของนางนพมาศเองและตลอดจนพระราชพิธีต่างๆ

ตัวอย่างคำประพันธ์

พระศรีมโหสถ  ยศกมเลสควรไลหงส์
มีธิดาประเสริฐเฉิดโฉมยง  ชื่ออนงค์นพมาศวิลาศลักษณ์
ละไมละม่อมพร้อมพริ้งยิ่งนารี จำเริญศรีสมบูรณ์ประยูรศักดิ์
เนื้อเหลืองเล่ห์ทองผ่องผิวพักตร์ เป็นที่รักดังดวงจิตบิดรเอย  

กังวาล ทองเนตร ค้นคว้าเรียบเรียง ติดตามได้ตอนต่อไป ในสมัยอยุธยา และรัตนโกสินทร์



วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แสดงสดสายัณห์ สัญญา


เป็นการแสดงสดที่หน้าห้างแหลมทอง จังหวัดระยอง

ขอบคุณ    www.sayanfanclub.com     และพี่น้องชาวชมรมดีเสมอทุกคน




มะเร็งภัยร้ายใกล้ตัว



มะเร็งคืออะไร

มะเร็ง ( Cancer )  คือการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเนื้อเยื่อ หรือผิดปกติของเซลล์ ซึ่งเกิดจากการที่เซลล์แบ่งตัว เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้
สาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็ง

สาเหตุที่แท้จริงนั้นยังไม่มีผู้ค้นพบแต่มีข้อสังเกตุว่ามะเร็งอาจเกิดมาจากสาเหตุต่างๆดังนี้

สาเหตุจากภายนอกร่างกาย

เกิดจากการที่ร่างกายได้รับสารที่เป็นพิษบางชนิดจากสิ่งแวดล้อม เป็นปริมาณมากและได้รับเป็นประจำ สารเหล่านี้อาจปะปนมาจากสิ่งต่างๆ เช่น เขม่า ควันไฟจากการเผาโลหะหรือสารบางชนิด ไอเสียรถยนต์ ควันบุหรี่ ยาบางชนิดที่ผสมสารหนู และอาหารบางชนิด
สารเคมีที่ตรวจพบว่าเมื่อร่างกายได้รับในปริมาณมากแล้วจะเป็นมะเร็งได้ ได้แก่ สารหนู โครเมี่ยม แอนดิโมนี โซเดียมไซคลาเมต เบนโซไพริน ไวนิลคลอไรค์ คลอโรฟอร์ม เป็นต้น

สาเหตุจากภายในร่างกาย

เกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
เกิดจากเซลล์ขาดภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสที่กระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็ง
เกิดจากฮอร์โมนบางชนิด

การป้องกัน


  1. รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
  2. อย่าดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ร้อนจัด
  3. ไม่ดื่มสุราที่มีดีกรีสูง
  4. งดหรือเลิกสูบบุหรี
  5. หลีกเลี่ยงที่ที่มีเขม่า ควันไฟ หรือควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ควันจากการเผาโลหะ หรือสารพิษ
  6. หลีกเลี่ยงยาที่มีส่วนผสมของสารหนู
  7. ในสตรีระวังอย่าให้น้ำนมคั่ง ถ้ามีอาการอักเสบหรือฝีที่เต้านมต้องรีบไปหาหมอเพื่อทำการตรวจรักษา
  8. อย่าซื้อยากินเองถ้ามีอาการน่าสงสัยควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจบำบัด
  9. รักษาอนามัยของอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ
  10. ฟันปลอมถ้าใส่ไม่สนิทควรให้แพทย์ตรวจแก้ไขใหม่
  11. รับประทานอาหารที่สะอาด ปราศจากสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย และรับประทานอาหารให้ได้สัดส่วนตามหลักโภชนาการ
การรักษาโรคมะเร็ง



  1. การผ่าตัด เป็นการรักษามะเร็งในกรณีที่ยังไม่มีการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย
  2. การฉายรังสี ใช้ในกรณีที่โรคยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่นเช่นกัน
  3. การฝังแร่ ใช้ในกรณีที่โรคยังอยู่ในระยะเริ่มต้น
  4. การใช้ยา
หมายเหตุบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปควรไปตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง เช่นตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ปอด เป็นต้น

ข้อมูลจากหนังสือ SPECIAL BIOLOGY


กังวาล ทองเนตร เรียบเรียง
ขอบคุณภาพประกอบจากเพื่อนบล็อกเกอร์ทุกท่านและจากชื่อเว็บตามที่ปรากฎ





เซลล์มะเร็ง



วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ยาคุมกำเนิดทำให้เป็นหมันได้




การมีรอบเดือน

การมีรอบเดือนเกิดจากการสลายตัวของเยื่อบุมดลูกคือ Endometrium มีเลือดไหลออกมาจากบริเวณผนังมดลูกประมาณ 3 วันหลังจากนั้นมดลูกจะเตรียมสร้างเยื่อสำหรับรองรับไข่ใบใหม่อีกซึ่งจะเกิดเป็นวงจรเช่นนี้ทุกๆ 28 วัน หรือ บวก ลบ 7วัน โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนตั้งแต่อายุ 12-21 ปีและไปสิ้นสุดประมาณ 41 ปีขึ้นไป เมื่อหมดประจำเดือนแล้วผู้หญิงจะไม่มีการตกไข่อีกต่อไป



ไข่ของสตรีที่เตรียมพร้อมรอผสม


อาการปวดท้องของสตรีขณะมีรอบเดือน

อาการปวดท้องนี้เกิดขึ้นมาจากการที่ปริมาณของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ( Progesterone ) มีปริมาณลดน้อยลง ทำให้มดลูกหดตัวได้มากขึ้น เพราะ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนยับยั้งการหดตัวของมดลูก เพื่อบีบไล่ให้สารที่สะสมเตรียมไว้ รวมทั้งเยื่อผนังชั้นในของมดลูกที่ฉีกขาดให้หลุดลอกออกไป จึงเป็นสาเหตุของการปวดท้องขึ้นขณะมีรอบเดือน 

ยาคุมกำเนิดเกี่ยวพันกับการตกไข่อย่างไร

ตามปกติ สตรีจะมีไข่สุกเดือนละ 1 ฟอง และประมาณ 400 ฟอง ตลอดชีวิต  
การกินยาคุมกำเนิด เป็นการไปบังคับรังไข่ไม่ให้สร้างไข่ ( ซึ่งปกติจะมีไข่เดือนละ 1 ฟอง ) และไม่ทำให้ไข่สุก ดังนั้นจึงไม่มีไข่ตกมาที่มดลูก จึงไม่ตั้งท้อง

ด้วยเหตุนี้การกินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานจะทำให้รังไข่เสื่อม ไม่ทำหน้าที่ผลิตไข่อีกต่อไปอย่างถาวรส่งผลให้ผู้หญิงเป็นหมันได้





    ขอบคุณภาพประกอบเนื้อหาจากเพื่อนบล็อกเกอร์ทุกท่านที่เอื้อเฟื้อ
    ข้อมูลจากหนังสือ SPECIAL BIOLOGY

    กังวาล  ทองเนตร

    วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

    กลอนนิราศสุนทรภู่กวีสี่แผ่นดินทั้งหมด





    เพลงเดี่ยวพญาโศก


    นิราศเมืองแกลง ขึ้นต้นไว้ดังนี้

                                                                      โอ้สังเวชวาสนานิจจาเอ๋ย
    จะมีคู่มิได้อยู่ประคองเชย                      ต้องละเลยดวงใจไว้ไกลตา
    ถึงทุกข์ใครในโลกที่โศกเศร้า               ไม่เหมือนเราภุมรินถวิลหา
    จะพลัดพรากจากไกลไม่ทันลา             ใช้แต่ตาต่างถ้อยสุนทรวอน
    โอ้จำใจไกลนุชสุดสวาส                         จึงนิราศเรื่องรักเป็นอักษร
    ให้เห็นอกตกยากเมื่อจากจร                  ไปดงดอนแดนป่าพนาวัล

    จะสังเกตุเห็นว่าท่านสุนทรภู่ยังอาลัยอาวรณ์หญิงคนรัก ซึ่งก็คือจันนั่นเองที่ท่านแอบลอบได้เสียกันจนกระทั่งท่านติดคุกและพ้นโทษแล้วท่านจึงได้ไปปฏิบัติภาระกิจที่บางปลาสร้อย ( ชลบุรีปัจจุบัน) และถือโอกาสนี้ไปติดตามหาพ่อที่เมืองแกลง โดยตั้งใจจะไปบวชกับพ่อ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บวชเพราะป่วยเสียก่อน

    นิราศเมืองแกลงนี้เป็นการเขียนบอกเล่าเรื่องราวระหว่างเดินทางของท่านว่าไปพบปะเจอะเจออะไรบ้างแล้วแทรกความรู้สึกในใจลึกของท่านเข้าไป ว่าไปแล้ว ก็เหมือนกับ สารคดีท่องเที่ยวสมัยนี้นั้นเองเพียงแต่ท่านใช้ความเป็นศิลปินบอกเล่าเรื่องราว

    นิสัยเจ้าชู้และเสน่ห์ของนักเลงกลอนอย่างสุนทรภู่ก็ไม่เบา ดูจากกลอนของท่านตอนหนึ่งในนิราศเมืองแกลงตอนที่ท่านไม่สบายมีหญิงสาวสองนางมาคอยปรนนิบัติพัดวีให้ ซึ่งเทียบศักดิ์ก็เหมือนหลานสาว ที่มาหลงรักท่านจนเกิดหึงหวงแตกคอกันเองจนท่านตัดปัญหาด้วยการกลับกรุงเทพ

    ทุกเช้าเย็นเห็นแต่หลานที่บ้านกร่ำ         ม่วงกับคำกลอยจิตขนิษฐา
    เห็นเจ็บปวดนวดฟั้นช่วยฝนยา              ตามประสาซื่อตรงเป็นวงศ์วาน
    ครั้นหายเจ็บเก็บดอกไม้มาให้บ้าง          กลับระคางเคืองข้องกันสองหลาน
    จะว่ากล่าวน้าวโน้มประโลมลาน            ไม่สมานสโมสรเหมือนก่อนมา
    ก็จนจิตคิดเห็นว่าเป็นเคราะห์                  จึงจำเพาะหึงหวงพวงบุบผา
      ต้องคร่ำครวญรวนอยู่ดูเอกา                  ก็เลยลาบิตุรงค์ทั้งวงศ์วาน

    นิราศพระบาทขึ้นต้นเริ่มเรื่องว่า

                                                                              แสนอาลัยใจหายไม่วายห่วง
    ดังศรศักดิ์ปักซ้ำระกำทรวง                           เสียดายดวงจันทราพะงางาม
    เจ้าคุ้มแค้นแสนโกรธพิโรธพี่                         แต่เดือนยี่จนย่างเข้าเดือนสาม
    จนพระหน่อสุริยวงศ์ทรงพระนาม                 จากอารามแรมร้างทางกันดาร
    ด้วยเรียมรองมุลิกาเป็นข้าบาท                     จำนิราศร้างนุชสุดสงสาร
    ตามเสด็จโดยแดนแสนกันดาร                      นมัสการรอยบาทพระศาสดา
    วันจะจรจากน้องสิบสองค่ำ                            พอจวนย่ำรุ่งเร่งออกจากท่า
    รำลึกถึงดวงจันทร์ครรไลลา                          พี่ตั้งตาแลแต่ตามแพราย
    ที่ประเทศเขตเคยได้เห็นเจ้า                           ก็แลเปล่าเปลี่ยวไปน่าใจหาย
    แสนสลดให้ระทดระทวยกาย                         ไม่เหือดหาย ห่วงหวงเป็นครัน 

    ผมขออธิบายตรงนี้นิดนึงครับ คำว่าเรียมในบทกลอนนั้นหมายถึงสุนทรภู่ เรียมเป็นคำเรียกตัวเองของผู้ชายสมัยก่อน ดังนั้นถ้าเราเห็นคำว่าเรียมปรากฎในกลอนสมัยก่อนให้เข้าใจให้ตรงกันครับว่าเป็นคำสรรพนามแทนตัวของผู้ชาย

    จากการเริ่มต้นเรื่องนิราศพระบาทนี้ จะเห็นได้ว่าสุนทรภู่ยังมีใจรักมั่นอาลัยอาวรณ์หา จัน หญิงคนรักคนแรกของท่านอยู่และปรากฎใจความลักษณะนี้ในงานของท่านแทบทุกเรื่องที่รำพันถึงจัน แม้ภายหลังท่านจะได้ภรรยาใหม่ทั้งนิ่มและม่วงแล้วก็ตามแต่กลับปรากฎว่าท่านยังระลึกถึงแต่นางจันคนนี้อยู่เพียงนางเดียว

    นิราศภูเขาทองขึ้นต้นว่า

                                                                         เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา
    รับกฐินภิญโญโมทนา                               ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย
    ออกจากวัดทัศนาดูอาวาส                       เมื่อตรุษสารทพระวสาได้อาศัย
    สามฤดูอยู่ดีไม่มีภัย                                  มาจำไกลอารามเมื่อยามเย็น
    โอ้โอวาทราชบูรณะพระวิหาร                  แต่นี้นานนับทิวาจะมาเห็น
    เหลือรำลึกนึกน่าน้ำตากระเด็น                 เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง
    จะหยิบยกธิบดีเป็นที่ตั้ง                             ก็ใช้ถังแทนสัดเห็นขัดขวาง
    จึงจำลาอาวาสนิราศร้าง                           มาอ้างว้างวิญญาในสาคร


    นิราศเรื่องนี้ท่านเขียนขณะเป็นพระจำวัดอยู่วัดราชบูรณะและท่านได้เขียนถึงที่ท่านได้ตกระกำลำบากต้องออกจากวัดราชบูรณะ และท่านยังอาลัยอาวรณ์ถึงผู้ชุบเลี้ยงท่านให้อยู่ดีมีสุขก็คือพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ 2 และท่านเขียนความในใจของท่านไว้อีกตอนว่า

    ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด                       คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
    โอ้ผ่าเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร              แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น
    พระนิพพานปานประหนึ่งศรีษะขาด         ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ
    ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น                       ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา
    จะสร้างพรตอุตสาห์ส่งบุญถวาย                ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา
    เป็นสิ่งของฉลองคุณมุลิกา                          ขอเป็นข้าเคียงบาททุกชาติไป


    ราตรีประดับดาว



    นิราศเมืองเพชรขึ้นต้นเรื่องว่า



                                                                                      โอ้รอนรอนอ่อนแสงสุริย์ฉาย
    ท้องฟ้าคล้ำน้ำค้างหล่นพร่างพราย                      พระพายชายชื่นเชยรำเพยพาน
    อนาถหนาวคราวมาอาสาเสด็จ                              ไปเมืองเพชรบุรินทร์ถิ่นสถาน
    ลงนาวาหน้าวัดนมัสการ                                          อธิษฐานถึงคุณกรุณา
    ช่วยชุบเลี้ยงเพียงชนกที่ปกเกศ                            ถึงต่างเขตของประสงค์คงอาสา
    จึงจดหมายรายทางกลางคงคา                             แต่นาวาเลี้ยวล่องเข้าคลองน้อย

    สุทรภู่ออกเดินทางจากท่าหน้าวัดอรุณ ไปตามคลองบางกอกใหญ่คลองบางลำเจียกคลองขวาง คลองมหาชัย  ออกปากคลองมหาชัยสู่แม่น้ำท่าจีน แล้วเข้าคลองสามสิบสองคด คลองสุนัขหอน ออกลำน้ำแม่กลองตรงไปปากอ่าว เลาะชายฝั่งปากอ่าวไปปากคลองโคน ปากคลองช่องข้ามอ่าวยี่สาร เข้าคลองตะบูน จนไปถึงเมืองเพชร  เส้นทางทั้งหมดท่านสาธยายไว้ในนิราศเมืองเพชรทั้งหมด เช่นไปถึงหมู่บ้านหนึ่งท่านบรรยายบรรกาศไว้ดังนี้

    ครั้นไปเยือนเรือนหลานบ้านวัดเกาะ       ยังทวงเพลาะแพรดำที่ทำหาย
    ต้องใช้สีทับทิมจึงยิ้มพราย                     วิลาสลายลอยทองสนองคุณ
    แล้วไปบ้านตาลเรียงเคียงบ้านไร่            ที่นับในน้องเนื้อช่วยเกื้อหนุน
    พอวันนัดซัดน้ำเขาทำบุญ                        เห็นคนวุ่นหยุดยั้งยืนรั้งรอ
    เขาว่าน้องของเราเป็นเจ้าสาว                  ไม่รู้ราวเรื่องเร่อมาเจอหอ
    เหมือนจุดไต้ว่ายน้ำมาตำตอ                    เสียแรงถ่อกายมาก็อาภัพ


    นิราศวัดเจ้าฟ้า เป็นเรื่องที่ท่านอยากให้คนคิดว่า บุตรชายท่าน คือ พัดเป็นผู้แต่ง โดยเริ่มเรื่องว่า


                                                                           เณรหนูพัดหัดประดิษฐ์คิดอักษร
    เป็นเรื่องความตามติดท่านบิดร                 กำจัดจรจากนิเวศน์เชตุพน
    พอออกเรือเมื่อตะวันสายัณห์ย่ำ                ละอองน้ำค้างย้อยเป็นฝอยฝน
    ตะลึงเหลียวเปลี่ยวหล่าวเมื่อคราวจน       ไม่มีคนเกื้อหนุนกรุณา
    โอ้ธานีศรีอยุธมนุษย์แน่น                           นับโกฎิแสนสาวแกแซ่ภาษา
    จะหารักสักคนพอปนยา                             ไม่เห็นหน้านึกสะอื้นฟื้นฤทัย
    เสียแรงพี่มีป้าหม่อมน้าสาว                        ล้วนขาวขาวคำหวานน้ำตาลใส
    มายามยืดจืดเปรี๊ยวไปเจียวใจ                   เหลืออาลัยลมปากจะจากจร

    การที่ท่านมาวัดเจ้าฟ้าอากาศคราวนี้มาเพื่อหาเหล็กไหล และยาอายุวัฒนะ ตามที่ท่านได้ลายแทงมาจากทางเหนือ ปัจจุบันวัดเจ้าฟ้าอากาศ ก็คือ วัดเขาดิน อยู่ที่ ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดอยุธยานั่นเอง  ความตอนหนึ่งที่บรรยายไว้เกี่ยวกับการไปวัดเจ้าฟ้าอากาศครั้งนี้ว่า

    ที่ธุระปรอทเป็นปลอดเปล่า             ยังดูเลาลายแทงแสวงถวิล
    ท่านนอนอ่านลานใหญ่ฉันได้ยิน        ว่ายากินรูปงามอร่ามเรือง
    แม้นฟันหักจักงอกผมหงอกหาย         แก่กลับกลายหนุ่มเนื้อนั้นเรื่องเหลือง
    ตะวันออกบอกแจ้งเป็นแขวงเมือง          ท่านจัดเครื่องครบครันทั้งจันทน์จวง

    นิราศอิเหนา ขึ้นต้นเรื่องดังนี้

                                                                             นิราศร้างห่างเหเสน่หา
    ปางอิเหนาเศร้าสุดถึงบุษบา                         พระพายพาพัดน้องเที่ยวล่องลอย
    ตะลึงเหลียวเปลี่ยวเปล่าให้เหงาหงิม           สุชลปริ่มเปี่ยมเหยาะเผาะเผาะผอย
    โอ้เย็นย่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย                   น้องจะลอยลมบนไปหนใด
    หรือเทวัญชั้นฟ้ามาพาน้อง                          ไปไว้ห้องช่องสวรรค์ที่ชั้นไหน
    แม้นแน่งน้อยลอยถึงชั้นตรึงษ์ไตร               สหัสนัยจะช่วยรับประคับประคอง


    นิราศสุพรรณ นิราศเรื่องนี้ท่านเขียนขึ้นจากที่คนปรามาสท่านว่าสุนทรภู่เขียนได้แต่กลอนแปด ท่านจึงแสดงให้เห็นว่าท่านได้ทั้งโคลงสี่สุภาพ และกาพย์  ท่านขึ้นต้นด้วยโคลงสี่สุภาพว่า

      เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า           ดาดาว
    จรูญจรัสรัศมีพราว                 พร่างพร้อย
    ยามดึกนึกหนาวหนาว           เขนยแนบ  แอบเอย
    เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย                 เยือกฟ้าพาหนาว

    รำพันพิราป ขึ้นต้นดังนี้

                                                                             สุนทรทำคำประดิษฐ์นิมิตรฝัน
    เพิ่งพบเห็นเป็นวิบัติมหัศจรรย์                     จึงจดวันเวลาด้วยอาวรณ์
    แต่งไว้เหมือนเตือนใจจะได้คิด                    ในนิมิตรเมื่อภวังค์วิสังหรณ์
    เดือนแปดวันจันทวาเวลานอน                      เจริญพรภาวนาตามบาลี
    ระลึกคุณบุญบวชตรวจกสิณ                        ให้สุดสิ้นดินฟ้าทุกราศี
    เงียบสงัดวัดวาในราตรี                                  เสียงเปรตผีหวีหวีดจิ้งหรีดเรียง  
    หริ่งหริ่งเรื่อยเฉื่อยชื่นสะอื้นอก                      สำเนียงนกแสกแถกแสกแสกเสียง
    เสียงแมงมุมอุ้มไข่มาใต้เตียง                        ตีอกเพียงผึ่งผึ่งตะลึงฟัง
    ฝ่ายเสียงหนูมูสิกกิกกิกร้อง                            เสียวสยองยามยินถวิลหวัง
    อนึ่งผึ้งซึ่งมาทำประจำรัง                               ริมบานบังบินร้องสยองเย็น

    นิราศพระประธม ขึ้นต้นว่า

                                                                                 ถวิลวันจันทร์ทิวาขึ้นห้าค่ำ
    ลงนาวาคลาเคลื่อนออกเลื่อนลำ                      พอฆ้องย่ำยามสองกลองประโคม
    น้ำค้างย้อยพร้อยพรมเป็นลมว่าว                   อนาถหนาวนึกถึงได้เชยโฉม
    มาสูญเหมือนเดือนดับพยับโพยม                   ให้ทุกข์โทมนัสในฤทัยครวญ
    โอ้หน้าหนาวคราวนี้เป็นที่สุด                            จะจากนุชแนบข้างไปห่างหวน
    นิราศร้างห่างเหให้เรรวน                                   มิได้ชวนเจ้าไปชมประธมประโทน
    ที่ปลูกรักจักได้ชื่นทุกคืนค่ำ                              ก็เตี้ยต่ำตายฝอยกรองกรอยโกร๋น
    ที่ชื่นเชยเคยรักเหมือนหลักประโคน                ก็หักโค่นขาดสูญประยูรวงศ์

                                    ( พระประธมก็คือองค์พระปฐมเจดีย์จังหวัดนครปฐมปัจจุบัน )
                                    



    จะสังเกตุเห็นว่า ท่านจะขึ้นต้นงานเขียนของท่านด้วยวรรคโทก่อนเสมอ โดยเว้นวรรคเอกเอาไว้
    ดังที่เห็นในตัวอย่างและอีกหลายเรื่องท่านก็เริ่มด้วยวรรคโท
                                          
    กังวาล  ทองเนตร  เรียบเรียง













                                        คลิกดูประวัติและผลงานสุนทรภู่ที่นี่







    วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

    หินทับหญ้า



    ที่ไหนมีแรงกด ที่นั่นมีแรงต้าน

    ก้อนหินที่ทับหญ้า ไม่นาน เราจะสังเกตุเห็นว่า หญ้าที่อยู่รอบข้างก้อนหินนั้น จะถีบตัวเองทะลึ่งขี้นมาอย่างรวดเร็วและสูงกว่าก้อนหินและหญ้าบริเวณใกล้เคียงในที่สุด






    หินทับหญ้า


    แม้แต่หญ้า  ยังรู้ว่า  โดนกดขี่
    ถีบตัวหนี   ให้พ้น ไปให้ได้
    แม้มีหิน  ก้อนใหญ่  ทับลงไป
    หญ้ายิ่ง โต  เติบใหญ่  พุ่งขึ้นมา

    ที่แห่งใด  ไม่มี  ยุติธรรม
    ที่แห่งนั้น   เป็นเพียง  ที่ไร้ค่า
    การกดขี่   ไม่มี  ความเมตตา
    จะไร้ค่า  เมื่อคน  นั้นไม่กลัว



    เพลง ดอกหญ้า สุเทพ วงค์กำแหง ขับร้อง

    ประวัติอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ



    อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ



    อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งอยู่ที่ต้นทางหลวงสายพหลโยธิน ตอนถนนพญาไท บรรจบกับถนนราชวิถี กรุงุเทพฯ

    อนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึง ทหาร ตำรวจ และพลเรือนที่เสียชีวิตในกรณีพิพาทเรื่องดินแดน กับ อินโดจีน ของฝรั่งเศส ทำให้ประเทศไทยได้ดินแดนบางส่วนกลับคืนมา

    อนุสาวรีย์ชัยนี้ เริ่มวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2484
    มีหม่อมหลวง ปุ่ม มาลากุล เป็นผู้ออกแบบ ตัวอนุสาวรีย์สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับด้วยหินอ่อน เป็นรูปดาบปลายปืนติดกัน 5 เล่ม
    สูง 50 เมตร มีรูปวีรชน 5 เหล่าคือ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน ประดิษฐานทั้ง 5 ด้าน มีรายพระนาม รายนามของผู้เสียชีวิตจำนวน 29 ราย หล่อติดแผ่นทองแดงติดไว้ตามฐานของรูปปั้น เพื่อเป็นเกียรติประวัติแด่ผู้พลีชีพ

    อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินี้ เปิด เมื่อ 24 มิถุนายน 2485 มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีเป็นผูทำพิธีเปิด ใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปี



    คลิกดูภาพแผนที่ทางอากาศ 










    วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

    หอยเชอร์รี่มาจากไหน




    หอยเชอร์รี่

    นี่เป็นหอยเชอร์รี่ แม้ชื่อจะดูโก้เก๋ดี แต่ชาวนาบ้านเรามักเรียกมันว่า หอยอัปรีย์ เพราะมันเป็นศัตรูตัวฉกาจของชาวไร่ชาวนา มันสามารถกัดกินข้าวให้หมดนาได้ในเวลาไม่ถึงเดือน และแพร่พันธุ์ ออกลูกออกหลานได้อย่างรวดเร็ว


    • หอยเชอร์รี่ มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้


    และแน่นอนผู้ที่จะนำมันเข้ามาไม่ใช่ชาวไร่ชาวนาอย่างแน่นอน เป็นฝีมือของพวกเศรษฐี ผู้ดีตีนแดงทั้งหลายหอบหิ้วมันนั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามา



    • หอยเชอร์รี่ตัวแรกในไทย


    ในประเทศไทยนำหอยเชอร์รี่ตัวแรกเข้ามา ผ่านทางประเทศญี่ปุ่น เมื่อประมาณปี 2529-2530 โดยมีเป้าหมายคือ นำมาเพื่อกำจัดตะไคร่น้ำในตู้ปลา เท่านั้นเอง ( ขี้เกียจล้างตู้ปลาครับ )  ความขี้เกียจมักง่ายนี้นำมาซึ่งปัญหาที่ไม่มีทางแก้ไขได้


    • ต่อมามีคนคิดเปิดฟาร์มเลี้ยงหอยเชอร์รี่ขึ้นเพื่อหวังเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ แต่ปรากฎว่า ไม่เป็นที่นิยมบริโภคกัน  เลยทำให้ต้องปล่อยฟาร์มทิ้ง ไม่ได้กำจัดหอยทิ้งแต่แรก  แถมยังนำหอยไปเทปล่อยลงตามลำคลองไล่นาชาวบ้านตามแม่น้ำลำธารสาธารณะ จนเกิดการแพร่พันธุ์กระจายไปทั่วประเทศ ตราบทุกวันนี้



    • กรณีหอยเชอร์รี่นี้ ก็เหมือนกับ กรณีที่มีผู้นำปลา ชัคเกอร์เข้ามาเลี้ยง แล้วนำไปปล่อยลงน้ำ เกิดการแพร่พันธุ์และกินทุกอย่างทำให้สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติที่อยู่ในท้องที่ต้องสูญพันธุ์  รวมไปถึง กรณี ปลา ปิรันย่า หรือ งูเขียว กรีนแมมบ้า เป็นต้น  เป็นผลงานของพวกเห็นแก่ได้ มักง่าย และเป็นความสะเพร่าของ ภาครัฐ ที่ปล่อยให้มีการนำพันธุ์สัตว์ จากต่างถิ่นเข้ามาตามใจชอบโดยไม่มีวิธีการกำจัดควบคุมอย่างถูกต้อง  จนเกิดปัญหาขึ้น อย่างไม่มีทางแก้ไขได้จนทุกวันนี้ 






    ไข่หอยเชอร์รี่


     เป็ดช่วยปราบหอยเชอร์รี่ได้


     กำลังออกไข่ แพร่พันธู์ นรกของมันให้กระจายออกไป




     อีกหนึ่งวิธีในการกำจัดหอยอัปรีย์




    มันสามารถไต่ขึ้นไปวางไข่ได้ในที่สูงได้ด้วย
    ขอบคุณภาพประกอบจากเพื่อนบล็อกเกอร์และเว็บมาสเตอร์ทุกท่านที่ไม่ได้เอ่ยนาม
    กังวาล ทองเนตร



    การเป็นหมันในผู้ชายและการปฏิสนธิในมนุษย์



    การเป็นหมัน และการปฏิสนธิ ในมนุษย์


    • เซลล์สืบพันธุ์ของผู้ชาย คือ สเปิร์ม ตัวยาว หัวกลมรี หางยาว 
    • ปกติผู้ชายจะมีการหลั่งอสุจิออกมาประมาณ 2-7 ลูกบาศก์เซ็นติเมตร ต่อครั้ง 
    • ในจำนวนนี้จะมีตัวสเปิร์มอยู่ ประมาณ 150-500 ล้าน ตัว 
    • ( ถ้าต่ำกว่า 150 ล้านตัว ก็แสดงว่า เป็นหมัน )  

    • สเปิร์มเหล่านี้จะเคลื่อนที่โดยอาศัยแรงจากการหดตัวของมดลูกเข้าไปหาไข่ที่รอคอยอยู่แล้วที่ส่วนบนของท่อนำไข่เมื่อพบกันสเปิร์มจะใช้ส่วนหัวเจาะเข้าไปผนังของรังไข่ 
    • ส่วนหางของสเปิร์มคงทิ้งไว้ข้างนอก ( ด้วยเหตุนี้เลยทำให้คนไม่มีหาง ..พูดเล่น ไม่เกี่ยวครับ ) 
    • ในส่วนหัวที่เจาะผนังรังไข่เข้าไปได้เพราะมีเอนไซม์ เรียกว่า ไฮยาลูโรนิเดส ( Hyaluronidase ) และเอนไซม์ ไฮโดโลติค 
    • หลังจากนั้นผนังของไข่จะมีการเปลี่ยนแปลงให้แข็งแรงกว่าเดิม จะเรียกผนังรังไข่ใหม่นี้ว่า เฟอติไลเซชั่น เมมเบรน ( Fertilization Membrane ) เพื่อป้องกันเอนไซม์จากหัวของสเปิร์มตัวอื่นไม่ให้เจาะเข้าผนังไข่มาได้อีก 
    • สเปิร์มที่เหลือก็จะตายไปภายใน 48ชั่วโมง ส่วนไข่ที่ผสมแล้ว ก็จะแตกตัว แบบ โมโตซิส เป็นระยะ พร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างไปด้วย เรียกว่าระยะ คลีฟเวจ ( Cleavage ) ซึ่งจะสามารถเห็นได้หลังจากไข่ได้รับการผสมดีแล้ว 30 ชั่วโมง และจะแบ่งตัวออกเป็นสองเท่าทุก 10 ชั่วโมง ไปเรื่อยๆในขณะที่แบ่งตัวก็เคลื่อนที่เข้าสู่มดลูกไปด้วยซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 -7 วัน 

    • หลังจากไข่ถูกผสมแล้ว จำนวนเซลล์ที่แบ่งตัวได้เป็น 32 เซลล์ เรียกว่า โมรูล่า ( Morula ) ระยะนี้เป็นระยะที่ไข่แบ่งตัวจนเป็นหลายส่วนแล้วจะเกาะกันอยู่ และเตรียมฝังตัวลงภายในมดลูก หลังจาก 8 สัปดาห์ไปแล้วจะเป็นตัวอ่อน ( Embryo ) ที่เป็นรูปร่างแล้ว เรียกว่า ฟีตัส ( Fetus )






    โครโมโซม และการ แยกเพศ



    • มนุษย์เราจะมี โครโมโซมอยู่ 23 คู่ 
    • เพศหญิงจะมี จะมีโครโมโซม เอ็กซ์ ( X ) 
    • เพศชายจะมีโครโมโซม เอ็กซ์วาย ( XY ) 
    • ดังนั้นลูกที่เกิดมา ถ้าได้โครโมโซม X จากแม่ และได้โครโมโซม X จากพ่อ ก็จะเป็น XX ลูกคนนั้นจะเป็นเพศหญิง 
    • แต่ถ้าได้ โครโมโซม X จากแม่ และได้ โครโมโซม Y จากพ่อ ก็จะเป็น XY ลูกคนนั้นจะเป็นเพศชาย 











    ขอบคุณภาพที่ใช้ประกอบเนื้อหาทั้งหมดจากเพื่อนบล็อกเกอร์ทุกท่าน
    ข้อมูลจากหนังสือ SPECIAL BIOLOGY
    กังวาล ทองเนตร เรียบเรียง