- ผมจะชี้ขุมทรัพย์ ให้สำหรับนักลงทุนทั้งมือเก่า แต่ไปไม่ถึงไหน และมือใหม่ที่หัวยังกลวงๆ แต่ฝันเห็นแต่เงินล้าน ให้ได้นำไปใช้ประโยชน์
ในภาพนี้คือกาแฟ กาแฟชัดๆ ไม่ว่าจะยกแก้วนี้ไปถามใคร มันก็จะตอบว่ากาแฟ ซึ่งไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูก
เพราะคนเราจะตอบตามประสบการณ์ ตามตาเห็น ตามองค์ความรู้ที่ตนเองมีอยู่ ซึ่งกาแฟแก้วนี้ ก็เหมือนกับ กระดานทิกเกอร์ ที่ใครมอง ถามใคร มันก็ตอบว่า กระดานซื้อขายหุ้น
- การเทรดหุ้นให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องมองสิ่งที่คุณเห็น แต่ไม่เป็นสิ่งที่คุณเห็นให้ได้ก่อน ความรู้นี้ ผมสอนคนมามากพอสมควร ที่จริงในบทความก่อนหน้านี้ก็เคย
เราต้องใช้ความรู้ระดับอภิปรัชญา หรือ ปรมัตถ์ มามองมาวิเคราะห์ ผนวกกับความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ ที่เราประยุกต์มาให้เข้ากัน มาจับ เราจึงจะพบว่า อ๋อ มันไม่ใช่กาแฟ
ตามวิชาอภิปรัชญา สิ่งที่เราเห็นว่ามันคือกาแฟ เขาเรียกว่า ความจริงขั้นสมมุติ
คือมันมีความจริงอยู่ มีตัวตนอยู่จริง และกองอยู่ตรงหน้าเรานั้น แต่เราไม่รู้ว่า แท้จริง มันคือสิ่งใด เขาจึงเรียกมันว่า ความจริง ขั้นสมมุติ คือ สมมุติ ไว้ก่อนว่ามันคือ กาแฟ หรือ มันคือน้ำ
จากนั้นเราค้นหาคำตอบ นำกาแฟแก้วนี้มาศึกษา มาแยกส่วนออก เราจะพบว่า มันมีน้ำ เป็นตัวหลัก มี กาแฟ มีน้ำตาลทราย มีนมข้น มีนมสด นมจืด นมหวาน ก็แล้วแต่จริต มีครีมเทียม มีน้ำผึ้ง อาจมีน้ำปลา หรือผงชูรสด้วย ใครจะรู้ จริตใครมัน
ดังนั้น กาแฟ 1 แก้ว ที่เราเห็น มันจึงไม่ใช่แค่กาแฟแล้ว แต่มันมีอย่างอื่นอีก
กาแฟที่ตาเราเห็นนี่เองคือ ข้อมูลดิบที่เราได้รับมา เรียกว่า ดาต้า Data
- มาเมื่อเราแยกให้เห็นเป็นน้ำตาล เป็นอะไรออกมาได้ เรียกขั้นนี้ว่า สารสนเทศ information และขั้นนี้ ในวิชาอภิปรัชญาเรียกมันว่า ความจริงขั้นสมมุติ จากนั้น นำ น้ำไปแยกย่อยหาโมเลกุล หรือสารประกอบใน อะตอมของมัน จะพบว่า ไอ้ที่เรียกว่าน้ำ มันไม่ใช่น้ำ มันคือ H2O คือไฮโดรเยน 2ส่วน ออกซิเยน 1 ส่วน เมื่อนำ สาร 2ชนิดนี้นำมารวมกัน ในสัดส่วนเท่าเดิม มันจะกลายเป็นของเหลว ที่เราเรียกมันว่าน้ำ (ความจริงขั้นสมมุติ ) แต่เมื่อเราแยกน้ำ ออกมาจนเห็นความจริงว่า มันคือ H2O และนำวิธีการนี้ไปให้คนอื่นทำตาม ก็ได้ผลลัพธ์ตรงกัน ทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีกที่ไหนในโลก ก็ตรงกัน
- H2O จึงเป็นขั้นความรู้ หรือ Knowledge หรือ อภิปรัชญา หรือ ความจริงอันประเสริฐ หรือความจริงอันสูงสุด หรือ ปรมัตถ์ นั่นเอง และเราก็ทำแบบนี้ กับ ไอ้ที่เป็นเมล็ดกาแฟ ทำแบบนี้กับไอ้ที่เรียกว่า น้ำตาล นม ผงชูรส ก็ว่าไป ทำให้จนพบความจริง และเป็นความจริงที่สูงสุดแล้ว เราจะได้ ปรมัตถ์ นี่คือการประยุกต์ ความรู้ อภิปรัชญามาเทรดหุ้น มาหาหุ้น
- จากนั้น ปรับหรือประยุกต์ ความรู้เศรษฐศาสตร์ มาใช้ร่วมกันอีก เราจะพบว่า วิชาเศรษฐศาสตร์ เขาเรียก กาแฟแก้วนี้ว่า
" สินค้าร่วม " หมายถึง คนที่กินกาแฟดำ เพียวๆ ก็มี แต่มีน้อย ส่วนคนกินกาแฟ ผสมครีมเทียม ผสมน้ำตาล นมข้น นมสด น้ำปลา น้ำผึ้ง มะนาว ก็มี เราไม่สนมันว่าใครจะกินอย่างไร
เราสนมันเพียงว่า กาแฟ คือ ตัวหลัก อย่างอื่นที่อยู่ในแก้วกาแฟคือสินค้าร่วม ดังนั้น เมื่อประยุกต์มาใช้กับการเทรดหุ้น เราก็ต้องหา สินค้าตัวหลัก หรือ กาแฟนี้ให้เจอก่อน เมื่อคุณเจอกาแฟ คุณจะเจอครีมเทียม น้ำตาลทราย นมสด นมข้น ตามมา เป็นหางว่าว
คุณเห็นกาแฟขึ้นมา คุณซื้อกาแฟไม่ทัน แต่คุณรู้ว่า ในแก้วกาแฟมีอะไรบ้าง แล้วมันราคายังไม่ขึ้น คุณก็ดักซื้อหุ้นกลุ่มนั้น เพราะมันคือสินค้าที่ใช้ร่วมกัน ไม่มีใครจะซื้อครีมเทียม มาเทกินกับข้าว เพียงลำพัง มันต้องใช้ร่วมกับสินค้าอื่น คุณอ่านออกคุณก็ชนะตลอดไป
เห็น น้ำมันขึ้น น้ำมันก็คือกาแฟ แล้วอะไรคือครีมเทียม คือน้ำตาล หาให้เจอ ใช้ ปรมัตถ์ค้นหาความจริง เราจะเจอตัวตนมันจริงๆ ไม่ถูกขาใหญ่หลอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น