หน้าเว็บ

กลับหน้าแรกล่าสุด

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตรรกวิทยา ( Logic )

ตรรกวิทยา ( Logic )

                                                                         ภาพพรางตา

  • เหตุผลคือเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ การศึกษาตรรกวิทยาจะทำให้เราสามารถใช้เหตุผลได้ถูกต้อง
  • การคิดหาเหตุผลคือ  การสรุปสิ่งที่เรายังไม่รู้ และ สิ่งที่เรารู้แล้ว
  • สิ่งที่เรารู้แล้ว เรียกว่าข้อมูลหรือวัตถุดิบที่จะใช้ในการตัดสินใจ
  • การอ้างเหตุผล จะถูกหรือผิดก็ได้ เพราะบางครั้งดูเหมือนว่ามีเหตุผล แต่จริงๆ กลับไม่เป็นเหตุเป็นผล จึงต้องมีกฎเกณฑ์ในการใช้เหตุผลและต้องรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้การอ้างเหตุผลนั้นไม่สมเหตุสมผลด้วย เช่น
  • เราเห็นนายดำ ขับรถ ราคาคันละสิบล้าน เราได้ข้อมูลแล้วคือรถ  สุดท้ายเราก็สรุปว่านายดำเป็นคนรวยมีฐานะดี
ซึ่งอาจผิดหรือถูกก็ได้  เพราะความเป็นจริง

  • นายดำอาจรวยจริง หรือเป็นแค่คนขับรถ หรือยืมรถเพื่อนมาขับ ก็เป็นได้
หรือ เราขับรถไปเห็นถนนเปียก ข้อมูลที่เราได้คือ ถนนเปียก แล้วเราก็สรุปว่า ฝนตก ซึ่งความจริง อาจเป็นจริงหรือไม่ก็ได้ ถนนอาจเปียกเพราะท่อประปาแตก หรือมีการรดน้ำต้นไม้ นี่จึงเป็นหลักเกณฑ์ ที่เราต้องเรียน ตรรกวิทยา    

  • ตรรกวิทยาคือการคิดหาเหตุผล  ตรรกวิทยาแบ่งเป็น 2 ประเภท

1.   ตรรกวิทยา เชิงรูปแบบ ( นิรนัย )

  •  ตรรกวิทยาเชิงรูปแบบนี้ จะเน้นให้ความสำคัญ กับรูปแบบทางความคิด มากกว่าทางด้านเนื้อหา
  • เราจะแยกได้อย่างไรว่าแบบไหนเป็นนิรนัย แบบไหนเป็นอุปนัย
  • ลักษณะของตรรกวิทยาแบบนิรนัยจะเริ่มต้นกว้าง แล้วสรุปแคบ คือเริ่มต้นตรรกด้วยหลักใหญ่ทั่วไป แล้วไปสรุปที่ปลีกย่อย เช่น
  • ทุกคนเกิดมาต้องตาย  นายบอด เป็นคน เพราะฉะนั้น นายบอดต้องตาย
  • ทุกคนคือตรรกเริ่มต้น เริ่มด้วยทั้งหมด คือทุกคนหรือทุกสิ่ง เป็นต้น
  • นายบอดคือข้อสรุป เริ่มจากทุกคน แต่มาสรุปที่นายบอด 
( นี่คือแบบนิรนัย)

2.  ตรรกวิทยา แบบอุปนัย ตรรกวิทยารูปแบบนี้ ให้ความสำคัญกับความรู้เชิงประจักษ์หรือประสบการณ์ เป็นพื้นฐาน แต่จะสรุปเกินประสบการณ์
  • เช่น  สมุดลอยน้ำ
  • กล่องลอยน้ำ
  • หนังสือลอยน้ำ
  • ซองจดหมายลอยน้ำ
  • สรุป กระดาษ เป็นสิ่งที่ลอยน้ำ  เห็นความต่างนะครับ

  • คือแบบอุปนัย เป็นการเก็บข้อมูลหลายๆครั้ง แล้วจึงนำมาสรุป ส่วน ค่าความจริงหรือความเป็นไปได้ของตรรกรูปแบบนี้ อยู่ในขั้น ความน่าจะเป็นเท่านั้น  
  แต่ 

  •  วิธีอุปนัยนั้น ถ้าข้อสรุปที่เราได้มานั้นมีความจริงอยู่สูง เราก็จะได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นมาจากตรรกวิทยารูปแบบนี้

  • ส่วนแบบนิรนัย ถ้าข้ออ้างจริง บทสรุปก็จริงด้วย

                            องค์ประกอบของความรู้ มีอยู่ 3 ประการ

1. มีความคิดเกี่ยวกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ในใจแล้ว (สมมุติฐาน )
2. สิ่งที่คิดนั้น มีอยู่จริง ในโลกภายนอก
3.  เชื่อว่าสิ่งที่เราคิด กับวัตถุภายนอกนั้นตรงกันหรือเหมือนกัน 
...เมื่อมีองค์ประกอบทั้ง 3 นี้ จึงจัดว่าเป็นความรู้จะขาดข้อใดไปไม่ได้

  •  สรุป. ตรรกวิทยามี 2 รูปแบบ คือ นิรนัย และอุปนัย
  • นิรนัย เริ่มจากตรรกที่กว้าง แต่สรุปแคบ และระดับค่าความเป็นจริงนั้นถูกต้อง
  • อุปนัย เริ่มจากแคบ แต่สรุปกว้าง ดังนั้นค่าความจริงจึงอยู่ในขั้น ความน่าจะเป็นเท่านั้น
  • การอ้างเหตุผล มีทั้งผิดและถูก ถ้า ภาษา บกพร่อง ดังนั้น ตรรกวิทยา จึงให้ความสำคัญกับภาษา โดยไม่สนใจไวยากรณ์ เน้นที่ภาษาที่ใช้สื่อสาร ไม่สนใจภาษามือ หรือ อวัจนะภาษา เพราะเป็นภาษาที่บกพร่องจึงไม่สามารถสื่อความคิดหรือเหตุผลได้ตรงความจริง

                กังวาล ทองเนตร รัฐศาสตร์ การปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง


2 ความคิดเห็น:

  1. การสรุปตรรกะแบบนิรนัย บางครั้งก็อาจผิดหรือไม่จริงได้ เช่น
    ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงสวย แดงเป็นผู้ชาย ดังนั้นแดงชอบผู้หญิงสวย ในความเป็นจริงแดงซึ่งเป็นผู้ชายอาจไม่ชอบผู้หญิงสวย เพราะแดงซึ่งเป็นผู้ชายอาจเป็นเกย์ก็ได้

    ตอบลบ
  2. ถ้าคุณตั้งตรรกแรกว่าผู้ชายทุกคน ทุกคนนี่คือทั้งหมดครับ คำตอบหรือข้อสรุปเกี่ยวกับแดงจึงเป็นจริงครับ เว้นแต่คุณจะตั้งตรรกะว่าผู้ชายบางคนชอบผู้หญิงสวย แดงเป็นผู้ชาย ดังนั้นแดงจึงชอบผู้หญิงสวย ตรรกะนี้ข้อสรุปคือ สรุปไม่ได้ หรือไม่แน่ชัดครับ เพราะเราไม่รู้ว่าแดงอยู่ในผู้ชายบางคนกลุ่มไหน ระหว่างชอบสวยหรือไม่สวยครับ ข้อสรุป มันจะลิงก์มาจากตรรกะที่เราป้อนครับ

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น