หน้าเว็บ

กลับหน้าแรกล่าสุด

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ลัทธิสันติอโศก




สมณะโพธิรักษ์และสาวก


  • สำนักสันติอโศก ก่อตั้งโดย นายรัก รักพงษ์ หรือโพธิรักษ์ นายรัก เข้าบวชในพระพุทธศาสนาครั้งแรกที่วัด อโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทราปราการเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2513 แต่ต่อมาถูกถอดถอนใบสุทธิ ให้ลาสิขา เนื่องจากไม่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ 

ต่อมานายรัก เข้าบวชอีกครั้งในสายมหานิกาย ที่วัดหนองกระทุ่ม ต.ทุ่งลูกนก อ. กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อ วันที่ 2เมษายน 2516

จากนั้นนายรักได้ประกาศตน ไม่อยู่ภายใต้การปกครองของมหาเถรสมาคม ดังข้อความบางตอนว่า

  • ดังนั้นเพื่อเป็นการยุติปัญหาทั้งหลายในความเป็นพุทธอันอยู่ร่วมกันตามที่พระบรมศาสดาได้ทรงบัญญัติไว้ให้แก่เราชาวพุทธเราเชื่อมั่นว่าถูกต้องดีที่สุดด้วยปัญญาธิคุณออกปานนั้น คณะสงฆ์ชาวอโศกจึงได้ประกาศ นานาสังวาส ตามธรรมวินัยให้ปรากฎเป็นที่ประจักษ์ซึ่งก็ทำตามข้อบัญญัติ ความเป็นนานาสังวาสภูมิตามพระไตรปิฎก เล่ม 5 ข้อ 240 ประกาศเมื่อ 6 สิงหาคม 2518 

  • จากนั้นนายอินทร์ หนูนันท์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้ทำหนังสือรายงานไปยังนายสวน สุวรรณชีพ กำนัน ตำบลทุ่งลูกนก เมื่อ 11 สิงหาคม 2518 และกำนันรายงานไปยังอำเภอตามลำดับเพื่อรับทราบ 
ผู้ว่ารายงานไปยังอธิบดีกรมการศาสนาทราบเมื่อ 18 สิงหาคม 2518

  • สมณะโพธิรักษ์ กับสาวกราว 80 คน ได้ประกาศก่อตั้ง สำนักสันติอโศกขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2519 นอกจากนี้โพธิรักษ์ยังได้ประกาศตนต่อหน้าลูกศิษย์ว่า ตนเองเป็นพระสารีบุตรกลับชาติมาเกิด เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ หรือแม้แต่เป็นโพธิสัตว์ ดังประโยคที่ว่า  " พูดไปแล้วคนก็ไม่เชื่อว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์อาตมามาทำงานศาสนาสืบทอดพุทธ นอกจากนั้น โพธิรักษ์ ยังได้ประกาศตนอุตริธรรม ว่ามีคุณอันวิเศษ ดังข้อความว่า "
  • ***ธรรมที่อาตมาได้จริงบรรลุจริงนั้นอาตมาเรียนเองฝึกเองไม่มีครูบาอาจารย์ไม่ได้สังกัดสำนักไหนเป็นเรื่องส่วนตัวจริง ด้วยกุศลเก่าที่อาตมาได้บำเพ็ญสั่งสมมาแต่ปางบรรพ์เป็นเหตุปัจจัยให้ชาตินี้ อาตมาจึงปฏิบัติธรรมได้ไม่ยากเย็นหรือไม่ต้องใช้เวลายาวนาน ฯ 

  • สมณะโพธิรักษ์ได้เปลี่ยนการแต่งตัวโดยสวมเสื้อแขนกระบอกสีกรัก ตั้งแต่ 11มิ.ย 2532 


นักบวชสันติอโศกแบ่งได้ 2 กลุ่มคือ

1. นักบวชชาย เรียกว่า สมณะ ต้องใช้เวลาศึกษาและเตรียมบวช 2 ปี
2. นักบวชหญิง เรียกว่า สิกขมาต ใช้เวลาเตรียมตัว 10 ปี ถึงจะพิจารณาให้บวช


ตลอดเวลา สันติอโศก แตกตัวขยายเซลล์ออกไปอย่างรวดเร็ว ที่นคร ปฐม เรียกว่า ปฐมอโศก ที่อุบล เรียกว่า ราชธานีอโศก ที่นคร สวรรค์เรียกว่า สวรรค์อโศกหรือศาลีอโศก  ฯลฯ

  • ชุมชนอโศกเหล่านี้ โพธิรักษ์เรียกชุมชนของเขาว่า CO -HOUSING โดยเขายอมรับว่าหลีกเลี่ยงคำว่า COMMUNITY เขาได้เทียบชุมชนของเขากับ ชุมชน อามิช ในอเมริกา คิบบุชต์ในอิสราเอล และอิ๊ตโตเอ้น ของญี่ปุ่น 



องค์กรต่างๆของสันติอโศกมีดังนี้


1. กองทัพธรรมมูลนิธิ ( เป็นกำลังหลักที่ขับเคลื่อนในนามพันธมิตรที่ผ่านมา )
2. มูลนิธิ ธรรมสันติ
3. ธรรมทัศน์สมาคม
4.ชมรมหัตกรรมกะลาไท
5.ชมรมมังสวิรัติ
6.ชมรมสัมมาสิกขา
7.ชมรมศูนย์สุขภาพ
8.ชมรมนักศึกษาปฏิบัติธรรม
9.บริษัทพลังบุญ
10.บริษัทฟ้าอภัย
11.ชุมชนพุทธยูโทเปีย หรือชุมชนพระศรีอาริย์
12. วารสาร เราคิดอะไร
13 .สารอโศก
14.แสงสูร
15. ดอกหญ้า
16.ดอกบัวน้อย
17.น้ำใจ ฯลฯ


นี่คือองค์กรสันติอโศกเพียงบางส่วนที่ผมได้นำมาให้ทราบและเป็นเหตุผลว่าทำไมสันติอโศกถึงยืนหยัดอยู่มาได้ตราบวันนี้


อ้างอิง


ขอบคุณทุกภาพจากชุมชนสันติอโศก


คลิกที่ภาพเพื่อดูต้นฉบับ
























































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น