กังวาล ทองเนตร

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่คลังปัญญา Pohthaiblogspot.com

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทรานซิสเตอร์( Transistor )


ทรานซิสเตอร์ ( Transistor )
ความเป็นมา

  • เมื่อปี ค.ศ. 1945นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามค้นคว้าหาสิ่งประดิษฐ์ประเภทสารกึ่งตัวนำใหม่ๆขึ้นมา เพื่อให้ขยายสัญญาณ แทนหลอดสูญญากาศ ขึ้นมาได้และถือเป็นต้นแบบของคุณสมบัติและโครงสร้างของทรานซิสเตอร์ในยุคปัจจุบัน


ต่อมามีวิศวกร 3 คน
ทั้งสามได้ค้นพบทรานซิสเตอร์ ที่ทำหน้าที่แทนหลอดสูญญากาศได้ดีกว่า เมื่อปี ค.ศ.1948
ทรานซิสเตอร์แบบใหม่นี้ มีขนาดเล็กทำให้ประหยัดเนื้อที่ ส่งผลให้ เครื่องใช้อิเลคทรอนิคส์ต่างๆมีขนาดเล็กลงตามไปด้วย มีราคาถูกประหยัดพลังงาน มีความร้อนต่ำ ทนทาน และมีความปลอดภัยสูง
ที่สำคัญมีความไวในการทำงาน มากกว่าหลอดสูญญากาศหลายเท่าตัว


ชนิดของทรานซิสเตอร์

  • การแบ่งชนิดของทรานซิสเตอร์ สามารถแบ่งออกได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ว่าแบ่งตามคุณลักษณะแบบไหน เช่น ทำหน้าที่สวิทชิ่ง ขยายกำลัง ทรานซิสเตอร์ความถี่สูง เป็นต้น

  • แต่ที่เป็นที่นิยมในยุคต้นคือ แบ่งตาม โครงสร้างทางเคมี หรือสารที่นำมาสร้างเป็นทรานซิสเตอร์ 
  • ซึ่งการแบ่งแยกวิธีนี้สามารถแบ่งทรานซิสเตอร์ออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
      1. แบบเยอรมันเนียมทรานซิสเตอร์ ( Germanium Transistor ) เป็นทรานซิสเตอร์ในยุคแรก มีลักษณะเป็นโลหะกลม และมีข้อเสียคือ มีกระแสรั่วไหลมาก จึงไม่เป้นที่นิยม
      2. แบบซิลิคอนทรานซิสเตอร์ ( Cilicon Transistor) เป็นทรานซิสเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง มีกระแสรั่วไหลน้อย จึงเป็นที่นิยมใช้กันมาจนถึงยุคปัจจุบัน
ลักษณะทรานซิสเตอร์แบบเยอรมันเนียม


โครงสร้างภายในแบบเยอรมันเนียม

ทรานซิสเตอร์แบบใช้สาร ซิลิกอน (จะมีลักษณะเป็นสีดำ )


  •  เนื่องจากทรานซิสเตอร์ถูกสร้างขึ้นมาจากสารกึ่งตัวนำ Semi -Conductor แบบ P-Typ และ N -Typ

ในโครงสร้างจึงทำให้เกิด จังชั่น ( Junction) หรือรอยต่อ ระหว่าง สาร 2ชนิดนี้ขึ้น โดยที่สารที่อยู่ตรงกลางจะเป็นคนละชนิดกับสารที่อยู่ ส่วนหัว-ท้าย และทำให้ทรานซิสเตอร์มีขาต่ออกมาใช้งาน 3 ขา และแบ่งชนิดตามโครงสร้างของสาร เป็นแบบ  N- Typ และ P - Typ


  • ชนิด N -Typ จะมีโครงสร้าง เป็น N -P-N  ( N ป้อน ไฟลบ ส่วน P ป้อนไฟบวก Nไฟลบ )
  • ชนิด P -Typ  จะมีโครงสร้าง เป็น  P-N-P  (  บวก-ลบ-บวก ) ตามรูปด้านล่าง

โครงสร้างของทรานซิสเตอร์

ทรานซิสเตอร์เรามักเรียกย่อๆว่า TR หรือ Q ซึ่งศัพท์พวกนี้เป็นศัพท์เทคนิคที่เราต้องเรียนรู้เพราะใช้กันเป็นสากลในวิชาอิเลคทรอนิคส์ เราไม่ได้บัญญัติขึ้นมาเอง แต่เป็นศัพท์บัญญัติอย่างเป็นทางการและเราก็จะพบอักษรย่อเหล่านี้ในแผ่นหรือแผงวงจร
  •  โดยทั่วไปทรานซิสเตอร์ จะมีขา อยู่ 3 ขา และมีชื่อเรียกไม่เหมือนกันตามแต่ละขาดังนี้


  1. ขาคอลเลคเตอร์ ( Collector ) เรียกย่อๆว่า ขา C ( ขาซี ) เป็นขาที่มีโครงสร้างการโด๊ปสารใหญ่ที่สุด (ดูรูปบนประกอบ )
  2. ขาอีมิตเตอร์ ( Emitter ) เรียกย่อว่า ขา E เป็นขาที่มีโครงสร้างการโด๊ปสารรองลงมาจากขา Cและ ขาอีนี้จะอยู่คนละด้านกับ ขา ซี
  3. ขาเบส ( Base ) เป็นขาที่กั้นตรงกลางระหว่าขา C กับ Eมีพื้นที่แคบที่สุดเมื่อเที่ยบกับขา C,E และขาเบสจะมีศักย์ทางไฟฟ้า เป็นกลาง เมื่อเทียบกับอีก 2 ขา
  • หมายเหตุ ทรานซิสเตอร์บางบริษัทจะมี 4 ขา ตามรูปด้านล่าง ซึ่งขาที่ 4 นี้ เราเรียกว่าขาชีลด์ หรือ ขากราวน์
  • แม้ในทางทฤษฎี จะระบุว่า ขา C และ E จะอยู่คนละฝั่ง และมีขา B กั้นกลางก็ตาม แต่ในความเป็นจริง ทรานซิสเตอร์หลายรุ่น หลายเบอร์ นิยมวาง ขาเป็น B,C,E ตามลำดับ โดยเราจะรู้ได้ชัดเจนต้องใช้ มัลติมิเตอร์วัดหาขาอีกที


  • การโด๊ปสาร หรือเรียกเป็นทางการว่า การออกซิเดชั่น ( Oxidation ) คือการนำสารเคมีมาผ่านกระบวนการ
  • และสารกึ่งตัวนำชนิด พี และชนิด เอ็น นี้ เป็นสารที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะมีการรวมเข้ากับสารเคมีตัวอื่นๆอีกหลายตัวจึงได้ สาร พี และ สาร เอ็น
  • โดยการโด๊ป จะให้สารเคมีกับขา C เป็นฐานของสาร ทั้งหมด แล้วจึงกัดเพื่อโด๊ปสารเป็นขา เบส และ อีมิตเตอร์ ต่อไป

การที่จะดูว่าทรานซิสเตอร์ตัวใดเป็นสารชนิด พีเอ็นพี P-N-P หรือ NPN  ในเบื้องต้น เราจะดูจากเบอร์ของทรานซิสเตอร์ เช่น
  • ถ้าเบอร์ทรานซิสเตอร์ มีตัว A เช่น 2SA..... แสดงว่าทรานซิสเตอร์ตัวนั้นจะเป็น PNP ใช้กับย่านความถี่สูง
  • ถ้าเบอร์มีตัว B เช่น 2SB แสดงว่าเป็นทรานซิสเตอร์ชนิด NPN ใช้กับย่านความถี่ต่ำ
  • ถ้าขึ้นต้นด้วย 2SC หรือC มักจะเป็น ชนิด NPN ใช้กับย่านความถี่สูง
  • ถ้าขึ้นต้นด้วย 2SD  หรือ D เป็นชนิด NPN ใช้กับย่านความถี่ต่ำ เป็นต้น
แต่การจะรู้ละเอียดและถูกต้องเราต้องดูคู่มือของทรานซิสเตอร์ประกอบคือ หนังสือ ECG หาซื้อได้ตามย่านบ้านหม้อหรือร้านค้าหนังสืออิเลคทรอนิคส์ทั่วไป และทรานซิสเตอร์แบบเยอรมันเนียมจะมีตัวถังเป็นโลหะ
หนังสือ อีซีจี จะบอกข้อมูลของสารกึ่งตัวนำการเทียบเบอร์ทั้งหมดของสารกึ่งตัวนำ เช่น ทรานซิสเตอร์ ไอซี ไดโอด ไตรแอค




TRแบบจานบินที่เป็นโลหะ TRชนิดนี้จะทำหน้าที่ในภาคขยายกำลังหรือเพาเวอร์แอมป์ จะมีเพียง 2 ขาเท่านั้น ส่วนขา ที่ 3 ก็คือตัวมันเองที่ขันน๊อตยึดเข้ากับวงจร

การทำงานของทรานซิสเตอร์

การไหลของกระแสในวงจรสารกึ่งตัวนำจะมีลักษณะเดียวกันหรือคล้ายกัน ถ้าเราได้เรียนรู้เรื่องไดโอดมาแล้ว และมีพื้นฐานก็ป้อนไบแอส ก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก
ในกรณีของทรานซิสเตอร์จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ขาดังนั้นเมื่อเราพิจารณาถึงโครงสร้างของวงจรหลักจะเห็นว่ามีทั้งส่วนของ อินพุท Input  และ เอ้าท์พุท Output เมื่อเราป้อนขาหนึ่งให้เป็น อินพุท อีกขาหนึ่งก็จะเป็น เอาท์พุท ขาที่เหลือจึงกลายเป็นขาร่วมหรือจุดร่วม ระหว่างอินพุทกับเอาท์พุท หรือคอมมอน ( Common )


  • หลักการดังกล่าวจึงกำหนดให้ระหว่าง B,E เป็นอินพุท และ B,C เป็นเอาท์พุท
  • เพราะหลักการที่สร้างทรานซิสเตอร์ก็เพื่อต้องการให้ กระแส อินพุท ไปควบคุม กระแสเอาท์พุท
  • ดังนั้นการให้ไบแอสทางด้านเอาท์พุทจึงต้องให้แบบ รีเวิร์ส เพราะถ้าเราให้ไบแอสแบบฟอร์เวิร์ด จะทำให้กระแส เอาท์พุทเป็นอิสระทันที และเราไม่สามารถควบคุมการไหลของกระแสได้
  • ส่วนทางด้านอินพุทให้ไบแอสแบบฟอร์เวิร์ด ด้วยแรงไฟต่ำๆ เพราะถ้าให้ไบแอสสูงไป ก็จะทำให้กระแสเอาท์พุทเกิดการอิ่มตัวเสียก่อน







แสดงการไหลของกระแสในวงจรทรานซิสเตอร์ที่จะเริ่มจากขา เบสก่อน


  • IE คือกระแสอีมิตเตอร์ มีค่าเท่ากับ 100%
  • IC คือ กระแสคอลเลคเตอร์ มีค่าเท่ากับ 95-98 %
  • IB  คือกระแส เบส มีค่าเท่ากับ 2-5 %
  • VBE   คือแรงไฟไบแอส หรือศักย์ตกคร่อมระหว่างเบสกับอีมิตเตอร์ ในขณะที่ทรานซิสเตอร์ทำงานปกติ
  • Bias  ของทรานซิสเตอร์ชนิดเยอรมันเนียม มีค่า .15-.2 โวลท์   ( เมื่อวัดแรงไฟระหว่าง BE จะได้ประมาณ 0.2 โวลท์ในสภาพทำงานปกติ )
  • Bias   ของซิลิกอนทรานซิสเตอร์มีค่าประมาณ .5-.7โวลท์ (เมื่อวัดแรงไฟระหว่าง BE จะได้ประมาณ 0.5 โวลท์ในสภาพทำงานปกติ )


การจัดวงจรทรานซิสเตอร์

วงจรไฟฟ้าทุกชนิดเราจะเห็นว่ามีสายที่ทางเข้า 2 สายเป็นอย่างน้อยและทางออกก็ต้องมี 2 สายเป้นอย่างน้อยเช่นกัน ทั้งนี้เพราะความต่างศักย์กันทางไฟฟ้า จะมีการเทียบศักย์ทางไฟฟ้ากันอยู่เสมอ
มีสูงต่ำๆๆสลับกันไป ดังนั้นจุดต่อใช้งานในวงจรไฟฟ้าจึงต้องมีจุดต่อใช้งานอย่างน้อย 4 จุด คือ เข้า 2 ออก 2 
แต่ทรานซิสเตอร์ จะมีขาเพียง 3 ขาเท่านั้น ถ้านำไปใช้งานทางไฟฟ้าแล้วเราจำเป็นต้องให้ ขาใดขาหนึ่งเป็นจุดร่วม หรือ คอมมอน เสียก่อน เมื่อเป็นดังนี้ เราจึง จัดวงจรของทรานซิสเตอร์ได้ 3 แบบ คือ
  1.  คอมมอนอีมิตเตอร์ ( Common Emitter ) : CE
  2. คอมมอนเบส            ( Common Base ) :CB
  3. คอมมอนคอลเลคเตอร์ (  Common Collector ) : CC
  • รายละเอียดให้ศึกษาเพิ่มเติมในการจัดคอมมอน



การวัดหาขาของทรานซิสเตอร์

  • ตามที่ได้อธิบายมาแล้วว่า ทรานซิสเตอร์มีอยู่ 3 ขา ตามโครงสร้างการโด๊ปสาร แต่ในตัวทรานซิสเตอร์ของจริงทางผู้ผลิตเขาไม่ได้ระบุไว้เลยว่า ขา BCE อยู่ตำแหน่งไหนของทรานซิสเตอร์ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดสำหรับนักเรียนนักศึกษาอิเลคทรอนิคส์ เพราะเครื่องมือสารพัดประโยชน์เรา คือ มัลติมิเตอร์สามารถวัดหาขาของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์อย่างอื่นได้ รวมถึง ทรานซิสเตอร์นี้ด้วย

วิธีวัด
  1. ตั้งสเกลมิเตอร์ให้เป็น R x 10 หรือ  R x 100 ( ย่าน R ) ขั้นตอนแรก เราจะทำการวัดหาขาเบสก่อนโดยที่เราไม่รู้ว่าขาเบสคือขาไหน  แต่ ให้เราใช้ปลายสายมิเตอร์จับที่ขาใดขาหนึ่งเป็นหลักก่อน ( สุ่มเลือกมา 1 ขา )แล้วใช้สายมิเตอร์อีกสายวัด 2 ขาที่เหลือ ในระหว่างวัดนี้ให้เราสังเกตว่าเข็มมิเตอร์ของเราจะมีจังหวะที่วัดทั้ง 2 ขาแล้วเข็มมิเตอร์ชี้ที่ค่าความต้านทานเท่ากันทั้งสองขา สรุปได้เลยว่า ขาที่เราสุ่มไว้เป็นหลัก 1 ขานั้นคือ ขาเบส ถ้าจังหวะที่วัดทั้ง 2 ขาเข็มมิเตอร์ไม่เท่ากัน ก็แสดงว่าขาหลักที่เราสุ่มนั้นไม่ใช่ ขาเบส ก็ให้สุ่มเลือกขาใหม่มาเป็นหลัก เราก็จะเห็นขาเบสที่ถูกต้อง  ในจังหวะที่เราวัดหาขาเบสนี้ เรายังสามารถรู้ได้ด้วยว่า ทรานซิสเตอร์ตัวนั้นเป็น ชนิด PNP  หรือ NPN โดยการสังเกตที่ขาเบสว่าได้รับแรงไฟจากสายมิเตอร์สายไหน ( ปกติ เมื่อเราตั้งมิเตอร์ย่าน R เราจะใช้ไฟจากแบตที่อยู่ในมิเตอร์ที่มี 12 โวลท์ การตั้งสเกลย่านนี้ สายดำจะเป็นบวก คือต่ออยู่กับขั้วบวกของแบตในมิเตอร์จะปล่อยไฟบวกออกมา ส่วนสายแดงจะต่ออยูขั้วลบของแบต และปล่อยไฟลบออกมา ) สมมุติถ้าขาที่เราสุ่มเป็นหลักใช้สายแดงแช่ไว้ แล้วนำสายดำวัด 2 ขาที่เหลือ แล้วมีค่าความต้านทานเท่ากันทั้งสองขา แสดงว่า สายแดงที่เราจับขาหลักนั้นเป็นขาเบส และเป็นทรานซิสเตอร์แบ เอ็นพีเอ็น ต้องค่อยๆทำความเข้าใจตรงนี้ให้ดี เมื่อเราคล่องแล้วก็จะเข้าใจง่าย
  2. วัดหาขาคอลเลคเตอร์หรือขา C  เมื่อเราวัดหาขาเบสได้แล้ว ให้เราทำการสลับสายมิเตอร์ใหม่ เช่น เดิมเราใช้สายดำวางแช่ที่ขาหลักก็ให้เปลี่ยนเป็นสายแดงมาไว้ที่ขาเบสแทน จังหวะนี้เราเรียกว่าให้รีเวิร์สกับขาเบส เช่น เบส เป็น บวก คือแบบ PNP ก็ให้สลับสายป้อนลบให้เบสแทนเพื่อหาขาซี และให้ตั้ง สเกลมิเตอร์ใหม่เป็น R x 10 Kแล้วทำการวัด 2 ขาที่เหลือเราก็จะได้ ขา C ขาที่เหลือก็คือ ขา E  โดยการหาขา ซีนี้เมื่อเราสลับสายเป็นรีเวิร์สแล้ว ให้ทำการวัด 2ขาที่เรายังไม่รู้ ว่าซีหรือ อี ในจังหวะที่เราวัด ให้สังเกตที่เข็มมิเตอร์ ถ้าวัดเทียบกับเบสแล้วมีค่าความต้านทานสูง ( ความต้านทานสูง หมายถึงเข็มมิเตอร์ขึ้นน้อย ) เมื่อเทียบกับอีกขา ซึ่งขึ้นเยอะกว่า แสดงว่าความต้านทานต่ำ แสดงว่า ขาที่ความต้านทานสูงหรือที่เข็มขึ้นน้อยคือ ขา C ขาที่เหลือคือ ขา E 
  • ต้องทำความเข้าใจนะครับและใช้มิเตอร์วัดหาตามขั้นตอนนี้ไปด้วยแล้วจะเข้าใจง่ายขึ้น และหาขาทรานซิสเตอร์ได้อย่างถูกต้อง


มัลติมิเตอร์

  • จำไว้ว่าเมื่อเราตั้งสเกลมิเตอร์ย่าน R ในรูปคือซีกขวาเราจะเห็น X10K,X1K ,X100, X10 ย่านี้ครับเรียกว่าย่าน R ซึ่งเราใช้วัดหาขา ทรานซิสเตอร์ ไดโอด หรือวัดค่ารีซิสเตอร์ หรือ อาร์ หรือวัดค่า ซี หรอคาปาซิเตอร์
  • การตั้งสเกลย่านนี้ไฟจากแบตที่อยู่ใน มิเตอร์ 12 โวลท์ จะไหลออกมา โดยสายแดงจะเป็นขั้วลบ และสายดำจะเป็นขั้วบวก อย่าสับสนนะครับ

  • ส่วนในย่านอื่นเราจะไม่ได้ใช้ไฟจากแบตมิเตอร์เลย ไฟจะไหลจากวงจรภายนอกที่เราวัดเข้ามายังเร้งจ์ของมิเตอร์เพื่อให้เข็มกระดิด แล้วสายแดงจะเป็น บวก สายดำจะเป็นลบ เพราะไฟไหลจากข้างนอกเข้ามามิเตอร์ เช่นเราวัดไฟฟ้าที่บ้านโดยเสียบเข้าปลั๊กไฟที่บ้าน หรือวัดไฟจากแบต เป็นต้น

  • ดั้งนั้นการตั้งสเกลมิเตอร์ต้องตั้งเพื่อด้วยเช่น วัดไฟบ้าน เราก็ต้องปรับไปที่ย่าน AC และไฟฟ้าบ้านจะอยู่ที่ 220โวลท์ เราจึงควรตั้งสเกลมิเตอร์ไว้ที่ 250โวลท์ เพื่อป้องกันมิเตอร์เราไหม้เสียหายหรือฟิวส์อาจขาดก่อน


กังวาล ทองเนตร รัฐศาสตร์ภาควิชาการปกครองมหาวิทยาลัยรามคำแหง
โทการสื่อสารมวลชน คอมพิวเตอร์กราฟฟิคดีไซน์มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ช่างอิเลคทรอนิคส์ จากแสงทองอิเลคทรอนิคส์ แผนกช่างวิทยุ โทรทัศน์ขาวดำ
ช่างอิเลคทรอนิคส์ แผนกโทรทัศน์สี วีดีโอ เลเซอร์ดิสก์ จากเทคนิคไทยญี่ปุ่น ( เทคนิคเทพนิมิตร )

บาร์ดีน










สัญลักษณ์ของทรานซิสเตอร์ ฝั่งซ้ายแบบ N-Typ สังเกตที่ขา E จะมีลูกศรออก ส่วนด้านขวาเป็นแบบ P -Typ ลูกศรจะเข้าที่ขา E









วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รหัสโทรทางไกล76จังหวัด


รหัสโทรศัพท์ทางไกล 76จังหวัดทั่วไทยแบ่งตามภาคดังนี้

ภาคกลาง
  • กรุงเทพฯ                       รหัส        02
  • นนทบรี                          รหัส        02
  • ปทุมธานี                        รหัส        02
  • สมุทราปราการ                รหัส       02
  • ประจวบคีรีขันธ์               รหัส      032
  • เพชรบุรี                           รหัส      032
  • ราชบุรี                             รหัส      032
  • กาญจนบุรี                       รหัส      034
  • นครปฐม                         รหัส       034
  • สมุทรสงคราม                 รหัส      034
  • สมุมุรสาคร                     รหัส       034
  • สุพรรณบุรี                      รหัส       035
  • อ่างทอง                          รหัส       035
  • พระนครศรีอยุธยา           รหัส     035
  • ลพบุรี                                  รหัส      036
  • สิงห์บุรี                                รหัส      036
  • สระบรี                                 รหัส      036
  • นครนายก                          รหัส      037
  • ชัยนาท                                 รหัส      056

ภาตตะวันออก

  • ปราจีนบุรี                          รหัส     037
  • สระแก้ว                                รหัส    037
  • ชลบุรี                                    รหัส    038
  • ฉะเชิงเทรา                            รหัส    038
  • ระยอง                                    รหัส     038
  • ตราด                                      รหัส    039
  • จันทบุรี                                    รหัส    039

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • นครพนม                              รหัส     042
  • มุกดาหาร                              รหัส    042
  • สกลนคร                                รหัส    042
  • หนองคาย                              รหัส    042
  • หนองบัวลำภู                         รหัส    042
  • เลย                                         รหัส    042
  • อุดรธานี                                 รหัส    042
  • กาฬสินธุ์                                 รหัส   043
  • ขอนแก่น                                  รหัส   043
  • มหาสารคาม                            รหัส   043
  • ร้อยเอ็ด                                    รหัส    043
  • ชัยภูมิ                                       รหัส    044
  • นครราชสีมา                             รหัส    044
  • บุรีรัมย์                                       รหัส   044
  • สุรินทร์                                     รหัส     044
  • ยโสธร                                       รหัส    045
  • ศรีสะเกษ                                   รหัส     045
  • อำนาจเจริญ                             รหัส     045
  • อุบลราชธานี                             รหัส     045
ภาคเหนือ

  • เชียงใหม่                                     รหัส    053
  • เชียงราย                                      รหัส     053
  • แม่ฮ่องสอน                                 รหัส     053
  • ลำพูน                                           รหัส     053
  • น่าน                                              รหัส     054
  • พะเยา                                           รหัส     054
  • ลำปาง                                           รหัส    054
  • แพร่                                                รหัส    054
  • กำแพงเพชร                                   รหัส    055
  • ตาก                                                รหัส     055
  • พิษณุโลก                                       รหัส    055
  • สุโขทัย                                            รหัส    055
  • อุตรดิตถ์                                          รหัส    055
  •  นครสวรรค์                                      รหัส    056
  • พิจิตร                                                รหัส   056
  • อุทัยธานี                                           รหัส   056
  • เพชรบูรณ์                                          รหัส  056

ภาคใต้

  • นราธิวาส                                              รหัส    073
  • ปัตตานี                                                  รหัส    073
  • ยะลา                                                       รหัส    073
  • พัทลุง                                                      รหัส     074
  • สงขลา                                                     รหัส     074
  • สตูล                                                         รหัส     074
  • กระบี่                                                         รหัส     075
  • ตรัง                                                           รหัส     075
  • นครศรีธรรมราช                                        รหัส     075
  • พังงา                                                         รหัส     076
  • ภูเก็ต                                                          รหัส    076
  • ชุมพร                                                         รหัส     077
  • ระนอง                                                         รหัส     077
  • สุุราษฎร์ธานี                                                รหัส    077



  • สำหรับจังหวัดที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ ให้ดูว่าแยกออกมาจากจังหวัดอะไร รหัสก็จะยังเป็นรหัสเดิม เช่น

ยโสธร และอำนาจเจริญ  แยกออกไปจาก อุบลราชธานี ก็ยังคงเป็นรหัสเดียวกัน คือ 045

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รหัสจังหวัดของประเทศไทย




รหัสจังหวัดต่างๆในประเทศไทย


  • ถ้าเราหยิบบัตรประชาชนเราออกมาดู ในบัตรประจำตัวประชาชนเราจะมี 13 หลัก หลักที่ 2 และ3คือรหัสจังหวัดของเรา และที่เหลืออีกจะอธิบายให้ทราบต่อไป


เริ่มจาก


  1.   กระบี่ ( Krabi )                                                                 รหัส       81
  2.  กรุงเทพ  ( Krung Thep Maha Nakhon )                        รหัส       10
  3. กาญจนบุรี ( Kanchanaburi )                                            รหัส       71
  4. กาฬสินธุ์     ( Kalasin )                                                     รหัส        46
  5. กำแพงเพชร  ( Kamphaeng phet )                                   รหัส       62 
  6. ขอนแก่น       (  KhonKaen )                                              รหัส      40
  7. จันทบุรี          ( Chanthaburi )                                            รหัส       22
  8. ฉะเชิงเทรา     ( Chachoengsao )                                       รหัส       24
  9. ชลบุรี              ( Chonburi )                                                 รหัส       20
  10. ชัยนาท            ( Chai Nat )                                               รหัส      18
  11. ชัยภูมิ              ( Chaiyaphum )                                          รหัส        36
  12. ชุมพร               ( Chumphon )                                            รหัส        86
  13. เชียงราย          ( Chiang Rai )                                           รหัส       57
  14. เชียงใหม่          ( Chiang Mai )                                          รหัส       50
  15. ตรัง                   ( Trang )                                                     รหัส      92
  16. ตราด                 ( Trat)                                                        รหัส      23
  17. ตาก                    ( Tak)                                                       รหัส       63
  18. นครนายก             ( Nakhon Nayok )                                 รหัส      26
  19. นครปฐม              ( Nakhon Pathom )                                  รหัส     73
  20. นครพนม              ( Nakhon Phanom )                                รหัส     48
  21. นครราชสีมา         ( Nakhon Ratchasima )                         รหัส     30
  22. นครศรีธรรมราช    ( Nakhon Srithammarat )                      รหัส    80
  23. นครสวรรค์            ( Nakhon Sawan )                                  รหัส     60
  24. นนทบุรี                  ( Nonthaburi )                                         รหัส    12
  25. นราธิวาส               ( Narathiwat )                                          รหัส     96
  26. น่าน                       ( Nan )                                                       รหัส     55
  27. บุรีรัมย์                   ( Buriram )                                                รหัส     31
  28. ปทุมธานี                ( Pathumthani )                                        รหัส     13
  29.  ประจวบคีรีขันธ์      ( Prachuap Khiri Khan )                        รหัส     77
  30. ปราจีนบุรี               ( Prachinburi )                                         รหัส     25
  31. ปัตตานี                   ( Pattani )                                                 รหัส     94
  32. พระนครศรีอยุธยา ( Phranakhon si Ayutthaya)                   รหัส     14
  33. พะเยา                     ( Phayao )                                                รหัส      56
  34. พังงา                      ( Phang Nga )                                          รหัส       82
  35. พัทลุง                      ( Phatthalung )                                        รหัส       93
  36. พิจิตร                        ( Phichit )                                               รหัส      66
  37. พิษณุโลก                 ( Phitsanulok )                                        รหัส      65
  38. เพชรบุรี                     ( Phetchaburi )                                      รหัส       76
  39. เพชรบูรณ์                 ( Phetchabun )                                       รหัส      67
  40. แพร่                           ( Phrae)                                                  รหัส      54
  41. ภูเก็ต                         ( Phuket )                                                 รหัส      83
  42. มหาสารคาม             ( Mahasarakham)                                  รหัส       44
  43. มุกดาหาร                  ( Mukdahan )                                         รหัส       49
  44. แม่ฮ่องสอน               ( Mae Hong son )                                   รหัส       58
  45. ยโสธร                       ( Yasothon )                                             รหัส        35
  46. ยะลา                         ( Yala )                                                      รหัส       95
  47. ร้อยเอ็ด                     ( Roi Et )                                                   รหัส     45
  48. ระนอง                       ( Ranong )                                                 รหัส       85
  49. ระยอง                        ( Rayong )                                               รหัส       21
  50. ราชบุรี                         ( Ratchaburi )                                        รหัส      70
  51. ลพบุรี                          ( Lopburi )                                               รหัส     16
  52. ลำปาง                         ( Lampang )                                           รหัส       52
  53. ลำพูน                          ( Lamphun )                                           รหัส       51
  54. เลย                               ( Loei )                                                  รหัส        42
  55. ศรีสะเกษ                      ( Si Sa Ket )                                          รหัส       33
  56. สกลนคร                       ( Sakon Nakhon )                                 รหัส       47
  57. สงขลา                          ( Songkhla)                                             รหัส      90
  58. สตูล                              ( Satun )                                                 รหัส       91
  59. สมุทรปราการ                 ( Samut prakan )                                 รหัส       11
  60. สมุทรสงคราม                ( Samut Songkhram )                          รหัส       75
  61. สมุทรสาคร                    ( Samut Sakhon )                                  รหัส       74
  62. สระแก้ว                          ( Srakaeo )                                            รหัส       27
  63. สระบุรี                             ( Sara Buri )                                           รหัส      19
  64. สิงห์บุรี                            ( Singburi )                                              รหัส     17
  65. สุโขทัย                           ( Sukhothai )                                          รหัส      64
  66. สุพรรณบุรี                       ( Suphanburi )                                       รหัส      72
  67. สุราษฎร์ธานี                   ( Suratthani )                                          รหัส     84
  68. สุรินทร์                           ( Surin )                                                    รหัส     32
  69. หนองคาย                      ( Nong Khai )                                          รหัส     43 
  70. หนองบัวลำพู                 ( Nong Bua lamphu )                             รหัส       39
  71. อ่างทอง                        ( Ang Thong )                                           รหัส      15
  72. อำนาจเจริญ                  ( Amnat charoen )                                   รหัส      37
  73. อุดรธานี                        ( Udon Thani )                                          รหัส     41
  74. อุตรดิตถ์                       ( Uttaradit  )                                              รหัส     53
  75. อุทัยธานี                       ( Uthai Thani )                                         รหัส      61
  76. อุบลราชธานี                ( Ubon Ratchathani )                               รหัส      34 

ประเภทบุคคล ซึ่งมีอยู่ 8 ประเภท

และตัวเลข 13 หลักในบัตรประจำตัวประชาชน หลักแรกหรือตัวแรกซึ่งจะเป็นเลข 1-8 มาจากประเภทของบุคคลที่ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภทดังนี้


ประเภทที่ 1.คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย และได้แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลาหมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 เป็นต้นไป อันเป็นวันเริ่มแรกที่เขาประกาศให้ประชาชนทุกคน ต้องมีเลขประจำตัว 13 หลัก เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองไปแจ้งเกิดที่อำเภอ หรือสำนักทะเบียนในเขตที่อยู่ภายใน 15 วันนับแต่เกิดมา ตามที่กฎหมายกำหนด เด็กคนนั้นก็ถือเป็นบุคคลประเภท 1 และจะมีเลขประจำตัวขึ้นด้วยเลข 1 

ประเภทที่ 2. คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา หมายความว่า เด็กคนใดก็ตามที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2527 เป็นต้นไป แล้วบังเอิญว่าพ่อแม่ผู้ปกครองลืมหรือติดธุระ ทำให้ไม่สามารถไปแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเขตภายใน 15 วันตามกฎหมายกำหนด เมื่อไปแจ้งภายหลัง เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นบุคคลประเภท 2 และจะมีเลขตัวแรกในทะเบียนบ้านขึ้นต้นด้วยเลข 2 

ประเภทที่ 3 . คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในสมัยเริ่มแรก (คือตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527)หมายความว่า บุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ณ ที่ใดที่หนึ่งในประเทศไทย มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 คนนั้นถือว่าเป็นบุคคลประเภท 3 และก็จะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 3 

ประเภทที่ 4.  คนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้า โดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ในสมัยเริ่มแรก หมายความว่า คนไทยหรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าว ที่อาจจะเป็นบุคคลประเภท 3 คือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดิมอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้เลขประจำตัว ก็ขอย้ายบ้านไปเขตหรืออำเภออื่น ก่อนช่วงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ก็จะเป็นบุคคลประเภท 4 


ประเภทที่ 5. คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อ เข้าไปในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจ หรือกรณีอื่นๆ เช่น ส้มจี๊ดมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตดุสิตอยู่แล้ว แต่บังเอิญว่าตอนที่มีการสำรวจรายชื่อผู้อยู่ในบ้าน เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค  เมื่อไปแจ้งเจ้าหน้าที่และตรวจสอบแล้วว่าตกสำรวจจริง หรือจะเป็นเพราะกรณีอื่นใดก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็จะเพิ่มชื่อให้ ในทะเบียนบ้านเป็นบุคคลประเภท 5 


ประเภทที่ 6. ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ในลักษณะชั่วคราว กล่าวคือ คนที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่ได้สัญชาติไทย เพราะทางการยังไม่รับรองทางกฎหมาย เช่น ชนกลุ่มน้อยตามชายแดน หรือชาวเขา กลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนบุคคลที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ชั่วคราว เช่น นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย แม้บางคนจะถือพาสปอร์ตประเทศของตน แต่อาจจะมีสามีหรือภริยาคนไทย จึงไปขอทำทะเบียนประวัติ เพื่อให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านสามีหรือภริยา คนทั้งสองแบบที่ว่า ถือว่าเป็นบุคคลประเภท 6 


ประเภทที่ 7 บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย คนกลุ่มนี้ในทะเบียนประวัติจะมีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 7 


ประเภทที่ 8. คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย คือ ผู้ที่ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือคนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย และคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย ตั้งแต่หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527 เป็นต้นไปจนปัจจุบัน คนกลุ่มนี้เลขในทะเบียนประวัติจะขึ้นด้วยเลข 8

  • ทั้ง 8 ประเภทนี้ จะมีเพียงประเภทที่ 3, 4 และ 5 เท่านั้น ที่จะมีบัตรประชาชนได้เลย ส่วนประเภทที่ 1 และ 2 จะมีบัตรประชาชนได้ ก็ต่อเมื่อมีอายุถึงเกณฑ์ทำบัตรประจำตัวประชาชน คืออายุ 15 ปี แต่สำหรับบุคคลประเภทที่ 6, 7 และ 8 จะมีเพียงทะเบียนประวัติเล่มสีเหลืองเท่านั้น จะไม่มีการออกบัตรประชาชนให้
สรุป รหัส 13หลักในบัตรประจำตัวประชาชนเป็นดังนี้

  • หลักที่ 1 หมายถึงประเภทของบุคคล
  • หลักที่ 2 และ 3 หมายถึงจังหวัดภูมิลำเนา
  • หลักที่ 4 และ 5 หมายถึง รหัสเขต หรืออำเภอ
  • หลักที่ 6 -10 หมายถึง กลุ่มบุคคล ตามประเภทจากหลักแรก หรือเลขเล่มของสูติบัตรซึ่งหมายถึงเลขประจำตัวในทะเบียนบ้านที่ทางเขต หรืออำเภอออกให้ และจะถูกนำมาวางไว้ในบัตรประจำตัวประชาชนกลุ่มหลักดังกล่าว
  • หลักที่ 11-12 หมายถึง ลำดับที่ของบุคคลในแต่ละกลุ่มประเภท เป็นการจัดลำดับว่าเราเป็นคนที่เท่าไรในกลุ่มของบุคคลประเภทนั้นๆ 

  • หลักที่ 13 หลักสุดท้าย หมายถึงตัวเลขสำหรับตรวจสอบความถูกต้องของเลขทั้ง 12 หลักแรกอีกที

ขอบคุณข้อมูลไขรหัสเลข 13หลักจาก >> www.matichon.co.th <<

ดูรหัสไปรษณีย์ทั่วไทย >>>  ที่นี่